‘ธัญ’ เปิดตัวบริการใหม่‘เวลเนส โซน’ ทางเลือกใหม่สำหรับคนใส่ใจสุขภาพด้วยวิถีธรรมชาติบำบัด

สุขภาพกายที่ดีและจิตใจที่มีความสุขคือสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่การใช้ชีวิตของคนเมืองในปัจจุบันที่มีความเร่งรีบ เคร่งเครียด และพักผ่อนไม่เพียงพอนั้น ทำให้ 6 ใน 10 ของคนเมืองมีภาวะเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพ หากสะสมเป็นเวลานานจะก่อให้เกิดโรคเรื้อรังต่างๆ อาทิ อาการออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome), คอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม (Computer Vision Syndrome – CVS) และโรคสมาธิสั้นจากการทำงาน (Attention Deficit Trait – ADT) คนส่วนมากมักจะเลือกการรักษาที่ปลายเหตุ นั่นก็คือ การทานยา หรือกายภาพบำบัด แต่มักหลงลืมวิเคราะห์หาสาเหตุ การรักษาอย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันการกลับมาของอาการดังกล่าวก็ด้วยการฟื้นฟูสุขภาพกาย – ใจให้กลับสู่สภาวะสมดุล ปราศจากความเครียด รวมถึงการพักผ่อนให้เพียงพอ

‘ธัญ’ (THANN) ได้เปิดตัวบริการใหม่ล่าสุด ‘เวลเนส โซน’ (Wellness zone) ที่ช่วยฟื้นฟูสุขภาพให้กับร่างกาย และคืนสมดุลให้กับจิตใจ นอกเหนือจากสปาทรีทเมนท์ เพื่อความสมบูรณ์แบบในการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ที่ THANN Flagship store สาขาใหม่ล่าสุด สุขุมวิท 47

สวิตา สุดสวาท ผู้อำนวยการสปา ธัญ แซงชัวรี่ (THANN Sanctuary) กล่าวถึง ‘เวลเนส โซน’ (Wellness zone) ว่า จากผลตอบรับที่ดีของลูกค้าทั้งชาวไทย และต่างชาติตลอดระยะเวลา 12 ปีที่ผ่านมา ‘ธัญ แซงชัวรี่’ จึงได้เปิดสาขาใหม่บนถนนสุขุมวิท บริเวณปากซอยสุขุมวิท 47 นอกจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพผิวและเส้นผมแล้ว ยังมีส่วนให้บริการนวดผ่อนคลายซึ่งประกอบด้วยห้องสปาทรีทเมนท์ที่มีขนาดใหญ่กว่าสาขาอื่น และบริเวณพื้นที่ชั้น 3 ของอาคารยังถูกออกแบบให้เป็น ‘เวลเนส โซน’ (Wellness zone) ที่มาพร้อม 4 บริการล่าสุด ช่วยฟื้นฟูสุขภาพให้กับร่างกาย และคืนสมดุลให้กับจิตใจ โดยนำศาสตร์การบำบัดด้วยวิถีธรรมชาติผสานเข้ากับเทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อความสมบูรณ์แบบในการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่ต้องการดูแลสุขภาพทุกเพศและทุกช่วงวัย หรือแม้แต่ผู้หญิงตั้งครรภ์ก็สามารถเข้าใช้บริการได้ โดยขอแนะนำว่าอายุครรภ์ตั้งแต่ระยะ 3 เดือนขึ้นไป และควรหลีกเลี่ยงบริการบางอย่าง อาทิ ห้องอโรม่าเธอราพี สตีม บาธ ที่มีแรงดันไอน้ำสูง และการกดจุดฝ่าเท้าซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมประสาท

บริการต่าง ๆ ของ ‘เวลเนส โซน’ (Wellness zone) ประกอบด้วย

‘ซอลท์ เธอราพี ทรีทเม้นท์’ (Salt therapy treatment) ศาสตร์การบำบัดด้วยเกลือ (Halotherapy) ที่ได้รับความนิยมในประเทศแถบยุโรป ช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ หอบหืด ไซนัส กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน รวมถึงแก้ปัญหาโรคผิวหนัง หรือผื่นแพ้ต่างๆ โดยบรรยากาศภายในห้องถูกจำลองขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการสร้าง และควบคุมความเข้มข้นของอณูเกลือให้เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง (11-12.5 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยมีอนุภาคขนาด 1-5 ไมครอน) ด้วยการเติมประจุไอออนลบ จึงไม่เกิดการระเหยระหว่างบำบัด และไม่ก่อให้เกิดความระคายเคืองเมื่อสูดดม อากาศที่ผลิตออกมาจึงยังคงแห้งสบาย ปลอดแบคทีเรีย ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า ปริมาณที่เข้าในระบบทางเดินหายใจน้อยมากเมื่อเทียบกับการบริโภคเกลือใน 1วัน (6 กรัม) โดยอณูเกลือจะเข้าไปเกาะและย่อยสลายอณูสิ่งแปลกปลอมที่เป็นประจุบวกทั้งหมดให้หลุดออก และจะถูกกำจัดทิ้งโดยการไอ จาม หรือกระบวนการต่างๆ ทางร่างกาย

‘ออกซิเจน เธอราพี ทรีทเม้นท์’ (Oxygen therapy treatment) อีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้หายใจสะดวก และหายใจได้ลึกขึ้นเหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย โดยเป็นการทำงานแบบผสมผสานระหว่างการสร้างอากาศบริสุทธิ์ และการปล่อยโอโซนโมเลกุลขนาดเล็ก ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของก๊าซออกซิเจน (Active Oxygen) ไปจับโมเลกุลของสารปนเปื้อน แล้วทำการสลายด้วยการเปลี่ยนโครงสร้างสารนั้น หลังจากการทำปฎิกิริยา โอโซนจะแปรสภาพกลับไปเป็นก๊าซออกซิเจนโดยไม่เป็นอันตราย และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม บรรยากาศภายในห้องจึงยังคงความสดชื่น เย็นสบาย นอกจากนี้ยังบรรเทาอาการภูมิแพ้อากาศ และฟื้นฟูความแข็งแรงของร่างกาย

‘แอคคูเพรสเชอร์ ฟุตบาธ’ (Acupressure footbath) เหมาะสำหรับการบำบัดสุขภาพ (Medical benefit) กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้หัวใจและหลอดเลือดทำงานได้มีประสิทธิภาพ ช่วยผ่อนคลายความเครียด และทำให้นอนหลับสบาย ด้วยการแช่เท้าในน้ำเกลือที่อุณหภูมิ 42°C (เทียบเท่าการแช่ในบ่อน้ำพุร้อนของญี่ปุ่น) พร้อมเพลิดเพลินกับการเดินบนหินบริเวณกลางบ่อ เป็นการนำเอาศาสตร์การกดจุดสะท้อนฝ่าเท้า (Foot reflexology) มาใช้เพื่อกระตุ้นจุดศูนย์รวมประสาทบนฝ่าเท้าที่สัมพันธ์กับทุกส่วนของร่างกายในบรรยากาศแบบใกล้ชิดธรรมชาติ

‘อโรม่าเธอราพี สตีม บาธ’ (Aromatherapy steam bath) การปรนนิบัติผิวให้ผ่อนคลายด้วยไอน้ำที่อุณหภูมิประมาณ 40-45°C ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนของโลหิต ผสานศาสตร์การใช้กลิ่นบำบัดด้วยน้ำมันหอมระเหย (Aromatherapy) เพื่อบำบัดฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ โดยไอน้ำจะเป็นตัวนำพากลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหยเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้นผ่านการสูดดม เมื่อร่างกายได้รับกลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหย กลิ่นจะถูกส่งต่อไปยังสมองส่วนควบคุมอารมณ์ และความรู้สึก (Limbic system) โดยไปกระตุ้นให้สมองสั่งการไปที่ระบบต่อมไร้ท่อ เพื่อหลั่งสารที่มีประโยชน์ และมีอิทธิพลต่ออารมณ์และความรู้สึก อาทิ เอ็นโดฟิน (Endorphin) สารที่ช่วยลดความเจ็บปวด คลายความเครียด และความวิตกกังวล, เอนเคฟาลิน (Enkephalin) สารที่ช่วยลดอาการซึมเศร้า, เซโรโทนิน (Serotonin) ช่วยทำให้สงบ เยือกเย็น และผ่อนคลายเป็นต้น โดยมีให้เลือก 2 กลิ่น คือ

• ออเรียนทัล เอสเซนส์ (Oriental Essence) : สดชื่นเบาสบายด้วยกลิ่นอายแห่งโลกตะวันออกด้วยส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ ( Lemongrass) และมะกรูด (Kaffir lime)

• ซี โฟม (Sea Foam) : มอบความเย็นสดชื่น กระตุ้นความกระปรี้กระเปร่าด้วยส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยจากเปปเปอร์มินต์ (Peppermint), ยูคาลิปตัส (Eucalyptus), โรสแมรี่ (Rosemary) และ ไทม์ (Thyme)

นอกจากนี้ยังมีเมนูพิเศษ ‘น้ำสกัดจากต้นอ่อนของข้าวหอมมะลิ อายุ 15 วัน’ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่มีให้บริการเฉพาะสาขานี้เท่านั้น อุดมด้วยสารแอนตี้ออกซิเด้นท์ คลอโรฟิลล์ และมีธาตุเหล็กมากกว่าข้าวสาลีถึง 6 เท่า ช่วยกระตุ้นการทำงาน และซ่อมแซมเซลล์ผิว เหล่าเซเลบริตี้ต่างให้ความสนใจและร่วมทดลองใช้บริการ ‘เวลเนส โซน’ (Wellness zone) แต่ละห้อง พร้อมร่วมเผยเคล็ดลับการดูแลสุขภาพ และสร้างความผ่อนคลายจากการทำงาน