สุนัขมีความสามารถดมกลิ่นได้ดีกว่าคนหลายพันเท่า จมูกที่ดมกลิ่นได้ยอดเยี่ยมช่วยงานพิทักษ์กฎหมายอย่างน่าทึ่ง นอกจาก สุนัขได้กลิ่นมนุษย์ป่วย โรคต่างๆ แล้ว ยังได้กลิ่น “ลองโควิด” ด้วย
เว็บไซต์นิตยสาร ไทม์ ของสหรัฐอเมริกา รายงานว่า คนฝึกสุนัขให้ตรวจจับกลิ่นต่างๆ เช่น ยาเสพติดและระเบิด กระทั่งขณะนี้พัฒนามาช่วยงานด้านการแพทย์
งานวิจัยของทีมสัตวแพทย์ศาสตร์ สถาบันวิจัยด้านสัตวแพทย์ Alfort ประเทศฝรั่งเศส ตีพิมพ์ในวารสาร PLOS ONE ระบุว่าสุนัขไม่เพียงดมกลิ่นตรวจจับมนุษย์ที่ป่วยโรคมะเร็งหรือโรคอื่นๆ ด้วยความแม่นยำยังดมหากลิ่นไวรัส SARS-CoV-2 ของโรคโควิด-19 และคนที่ป่วยลองโควิดด้วย
การศึกษาชิ้นนี้ต่อยอดจากงานวิจัยที่เล็กกว่าซึ่งเผยแพร่ในปี ค.ศ. 2020 โดยระบุว่าหน่วยกู้ภัยฝรั่งเศสและกระทรวงกิจการในประเทศของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ฝึกสุนัขให้ดมหากลิ่นที่เกี่ยวข้องกับไวรัส SARS-CoV-2 จากตัวอย่างเหงื่อของคน
การฝึกดังกล่าว เคารพความเป็นอยู่ของสัตว์ ให้ของเล่นเป็นรางวัลและไม่ได้ฝึกจนเหนื่อยหรือจิตใจอ่อนล้า
นักวิจัยเก็บตัวอย่างเหงื่อจากรักแร้ของกลุ่มตัวอย่าง 350 คนในกรุงปารีสของฝรั่งเศสเพื่อทดสอบหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธีกรพีซีอาร์โดย 1 ใน 3 ของกลุ่มตัวอย่างนี้ ตรวจพบเชื้อบวก
โดมินีก กรองด์ฌอง ผู้ร่วมวิจัย กล่าวว่าจมูกสุนัขมีความไวในการเลือกตัวอย่างที่เป็นบวกได้ถูกต้องร้อยละ 97 และความสามารถในการบ่งชี้เฉพาะเจาะจงตัวอย่างที่เป็นลบได้ถูกต้องร้อยละ 91 ซึ่งเทียบเท่ากับการทดสอบพีซีอาร์ระดับทองเลยทีเดียว
สุนัขเกือบทุกสายพันธุ์นำมาฝึกให้ตรวจจับประเภทนี้ได้ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ฝรั่งเศสมีสุนัขหลายร้อยหรือหลายพันตัวที่ทำแบบนี้ได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินและมีศักยภาพเทียบเท่ากับพีซีอาร์
ดังนั้นจึงนำสุนัขไปใช้งานตามสถานที่คนพลุกพล่าน เช่น สนามบินหรือห้องประชุม หรือในสถานที่อื่นๆ ที่การทดสอบแบบเดิมไม่มีให้บริการกับคนหมู่มาก อีกทั้ง ยังให้สุนัขดมกลิ่นคนที่สวอบจมูกไม่ได้ เช่น เป็นออทิสติกหรือโรคทางระบบประสาท
แนวคิดนี้ได้รับการนำไปปฏิบัติแล้วในหลายที่ เช่น สนามบินนานาชาติเฮลซิงกิ–วันตาของฟินแลนด์ ซึ่งทดลองสุนัขดมกลิ่นโควิด-19 เมื่อปี ค.ศ.2020 ซึ่งการศึกษาที่เผยแพร่ในเดือน พ.ค. พบว่ามีความถูกต้องแม่นยำถึงร้อยละ 98 แม้ไม่มีกรณีที่พบเชื้อโควิด-19 เป็นบวกมากพอที่จะสรุปได้ถึงความไวก็ตาม
ส่วนที่สนามบินนานาชาติไมอามีของสหรัฐอเมริกา ทดสอบสุนัขดมกลิ่นโควิดเมื่อปีที่แล้ว เช่นเดียวกับโรงเรียนหลายแห่งในรัฐแมสซาชูเซตส์
การวิจัยร่วมของกรองด์ฌองยังพบด้วยว่าสุนัขดมกลิ่นเหงื่อและบ่งบอกได้ด้วยว่าคนนั้นเป็นผู้ป่วยลองโควิดหรือป่วยโควิดระยะยาว 18 เดือน หลังจากติดโควิดครั้งแรก
ด้านเอมิลี เซย์ราต์ กล่าวว่าสุนัขในการทดลองนี้พบไวรัสในกลุ่มตัวอย่างผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวน 23 รายจากทั้งหมด 45 ราย ซึ่งความแม่นยำอาจถูกลดทอนลงไป เพราะบางตัวอย่างที่ส่งมาทางไปรษณีย์ในช่วงฤดูร้อน อาจได้รับผลกระทบจากความร้อนและช่วงเวลาการขนส่ง
แต่ถึงอย่างนั้น ผลการวิจัยก็ยังน่าสนใจ นักวิทยาศาสตร์พยายามศึกษาว่าทำไมบางคนจึงป่วยเรื้อรัง หรือเป็นลองโควิด หลังจากติดโควิด-19 สมมติฐานหนึ่ง คือ เศษของไวรัสยังคงอยู่ในระบบร่างกายของบางคนและอาจเกิดซ้ำได้อีกทำให้ป่วยเรื้อรัง
ส่วนโดมินีก ซามอน์–เซรอง ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อที่โรงพยาบาลโอเต็ล–ดู กรุงปารีส และผู้เขียนงานวิจัยเกี่ยวกับลองโควิด สนับสนุนความคิดนี้และกล่าวว่า คนที่ป่วยมานานกว่า 1 ปี เนื่องจากผลการศึกษาพบว่าไวรัสอาจจะยังดื้ออยู่ในร่างกาย
การศึกษานี้แม้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อวินิจฉัยคนที่เป็นลองโควิด ซึ่งผู้ร่วมวิจัยทราบเงื่อนไขนี้แล้ว การตรวจหาไวรัสที่ยังดื้ออยู่ ไม่เหมือนกับการวินิจฉัยโรคที่ซับซ้อนหรือมีหลายโรค
แต่สุนัขช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ได้ข้อมูลและเข้าใจเงื่อนไขและประสบการณ์ของผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น เพราะมีผู้ป่วยหลายคนพยายามหาทางรักษาอาการอย่างเหมาะสม เพียงเพราะพวกเขาไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าในร่างกายเคยมีเชื้อโควิด-19 มาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าไม่แสดงอาการป่วยในช่วงที่เพิ่งเริ่มระบาด และตอนนั้นยังไม่มีการตรวจ
“ไม่มีใครเชื่อพวกเขา ยกเว้นหมอบางคน และตอนนี้ก็มีสุนัขบางตัวที่รู้” ผู้เชี่ยวชาญลองโควิดกล่าว
……