“เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ประกาศศักดาเป็นสโมสรในประวัติศาสตร์คว้า 3 แชมป์ฟุตบอลในประเทศเป็นสโมสรแรกในประวัติศาสตร์หลังจากไล่ถล่ม “แตนอาละวาด” วัตฟอร์ด 6-0 ในเกมเตะรอบชิงชนะเลิศ ศึกฟุตบอล เอฟเอคัพ ที่เวมบลีย์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อกลางดึกวันที่ 18 พฤษภาคม
แมนฯ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เพิ่งจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาหมาดๆ แถมก่อนหน้านั้นยังคว้าแชมป์คาราบาว คัพ มาครองได้อีก 1 ถ้วย โดยเกมนี้ เป๊บ จัดทัพ 11 คนแรก ประกอบด้วย เอแดร์ซอน โมราเอส, ไคล์ วอล์คเกอร์, แว็งซ็อง ก็อมปานี, อายเมริก ลาปอร์ต, โอเล็คซานเดอร์ ซินเชนโก้, ดาบิด ซิลบา, อิลคาย กุนโดกาน, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, ริยาด มาห์เรซ, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และกาเบรียล เชซุส
- ด่วน ! วอยซ์ ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
เกมนี้แมนฯ ซิตี้ เหนือกว่าแบบสุดกู่ การครองบอลไหลลื่น การต่อบอลสวยงาม เนียนตา คมทั้งเกมรุก แน่นทั้งเกมรับสไตล์บอลของเป๊บ เหนือกว่าวัตฟอร์ด อย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะดาหน้ายิงประตูจาก ดาบิด ซิลบา นาทีที่ 26, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง นาทีที่ 38, 81, 87 เควิน เดอ บรอยน์ ที่ลงมาแทน ริยาด มาห์เรซ ในครึ่งหลัง นาทีที่ 61, กาเบรียล เชซุส นาทีที่ 68
จบเกมแมนฯ ซิตี้ ไร้เทียมทาน ผงาดคว้าแชมป์เอฟเอคัพ ไปครอง ซึ่งผลพวงหลังจากแมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์เอฟเอคัพ ทำให้ วูล์ฟแฮมป์ตัน ได้ส้มหล่นไปเตะยูโรป้า ลีก รอบคัดเลือก รอบสอง อีกด้วย