“ส.ผู้ค้าปลีกไทย” ขู่ดิวตี้ฟรีไทย-เทศจ่อรวมตัวฟ้อง! แนะ ทอท.รื้อใหญ่ทีโออาร์เจ้าปัญหา

นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า จากข่าวที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ ว่า บริษัทท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท.ได้เลื่อนกำหนดการขายซองทีโออาร์ประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และพื้นที่ร้านค้าปลอดอากร หรือดิวตี้ฟรี ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, เชียงใหม่, ภูเก็ต และหาดใหญ่ ในวันที่ 19 มีนาคม-1 เมษายน 2562 นี้ออกไปก่อน พร้อมทั้งรอฟังความเห็นจากหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้องนั้น ทางสมาคมผู้ค้าปลีกไทยยังคงมีประเด็นทักท้วงการดําเนินงานของ ทอท. ในหลายประเด็น

โดยเฉพาะกรณีที่ ทอท.เลือกรูปแบบการประมูลแบบสัญญาเดียว เนื่องจากมองว่ามีลักษณะผูกขาด ทั้งนี้ยังเห็นว่า ทอท.ควรให้สัมปทานตามหมวดหมู่สินค้า หรือ Concession by Category ซึ่งเป็นโมเดลที่ใช้แพร่หลายในสนามบินชั้นแนวหน้าในเอเชีย เช่น แผนผังการกำหนดสัมปทานตามกลุ่มสินค้า ใน สนามบิบชางฮี สิงคโปร์, สนามบินอินชอน เกาหลีใต้ และสนามบินฮ่องกง

“ส่วนระยะเวลายังคงมองว่าระยะเวลา 5-7 ปี เป็นเวลาที่เหมาะสมและเป็นมาตรฐานสากลของการให้สัมปทานพื้นที่ในสนามบินระดับชาติ ไม่ใช่ 10 ปีเหมือนที่ทาง ทอท.กำหนดไว้ และยังคงมองว่าการผูกสัญญาสัมทานดิวตี้ฟรี 4 สนามบินเป็น 1 สัญญา ถือเป็นการผูกขาดและกำหนดเงื่อนไขไว้เอื้อให้กับผู้ประกอบการบางราย” นายวรวุฒิกล่าว

พร้อมทั้งย้ำว่า การให้พื้นที่ดิวตี้ฟรีและพื้นที่เชิงพาณิชย์นั้นเป็นกิจการที่ต้องเข้าพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 หรือ พ.ร.บ.ร่วมทุน (PPP) ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2562 และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 11 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ยังได้เสนอแนะต่อร่าง TOR สัมปทานพื้นที่ดิวตี้ฟรีและพื้นที่เชิงพาณิชย์ให้กับทาง ทอท.ไว้ 6 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย 1.ตรวจสอบโครงการว่าอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ร่วมทุนหรือไม่ และทำตามกระบวนการ 2.จัดสรรสัมปทานหลายรายโดยแบ่งตามหมวดสินค่า 3.แยกทีโออาร์ดิวตี้ฟรีเป็น 3 ฉบับ ได้แก่ 1.สุวรรณภูมิ (แต่ยังคงสัมปทานตามกลุ่มสินค้า) 2.ภูเก็ต และ 3.เชียงใหม่ และหาดใหญ่

4.ใช้การประเมิน 2 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนแรก ให้ประเมินข้อเสนอด้านเทคนิค ถ้าผ่านจึงเข้าสู้กระบวนการที่ 2 คือ เปิดซองผลตอบแทน 5.ทอท.ต้องเปิดเผยข้อมูลผู้โดยสารและยอดขายตามเชื้อชาติ และหมวดหมู่สินค้าทุกสนามบิน และ 6.ควรใช้เวลาประมาณ 60-90 วัน เนื่องจากเป็นโครงการประมูลขนาดใหญ่

นายวรวุฒิกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการดิวตี้ฟรีทั่วโลกกำลังจับตามองการประมูลในรอบนี้ของประเทศไทยอย่างมาก เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงสุดเป็นอันดับ 4 ของโลก

ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ประกอบการดิวตี้ฟรีทั้งของไทยและต่างประเทศก็กำลังรอประเมินสถานการณ์และเตรียมยื่นฟ้อง ทอท.หากทีโออาร์ประมูลดิวตี้ฟรีของ ทอท.ในรอบนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง