ททท.ลุ้นเปิดประเทศรับ “อินเดีย” ระบุ 90% ต้องการเที่ยวไทย

อินเดียท่องเที่ยว

“ททท.นิวเดลี-มุมไบ” ลุ้นไทยเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวอินเดีย หลังเปิดให้กลุ่มนักธุรกิจขอซีโออีได้แล้ว หวังชิงโอกาสทางการตลาด เผยคนอินเดียพร้อมออกเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศแล้ว ยันผลสำรวจระบุว่ากว่า 90% ต้องการเที่ยวเมืองไทย คาดหากเที่ยวบินกลับมาให้บริการใน 6 เมืองหลักในไตรมาสสุดท้าย สร้างรายได้กว่า 900 ล้านบาท

นายวชิรชัย สิริสัมพันธ์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนิวเดลี และนางสาวชลดา สิทธิวรรณ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานมุมไบร่วมกันเปิดเผยถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวของตลาดอินเดียว่า ขณะนี้คนอินเดียจำนวนมากมีความพร้อมที่จะออกเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศแล้ว เนื่องจากรัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการและระดมฉีดวัคซีนภายในประเทศส่งผลให้คนอินเดียเริ่มทยอยเดินทางท่องเที่ยวกันแล้วตั้งแต่กรกฎาคม-สิงหาคมที่ผ่านมา อาทิ มัลดีฟส์, ดูไบ เป็นต้น

วชิรชัย สิริสัมพันธ์
วชิรชัย สิริสัมพันธ์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนิวเดลี

สำหรับตลาดประเทศไทยนั้น ขณะนี้รัฐบาลได้เปิดให้กลุ่มนักธุรกิจอินเดียที่มีใบอนุญาตทำงาน (work permit) ยื่นขอใบรับรองเข้าประเทศ (COE) แล้ว ตั้งแต่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมาแล้ว ซึ่ง ททท.กำลังติดตามผลตอบรับและลุ้นว่ารัฐบาลจะเปิดให้คนอินเดียกลุ่มที่เป็นนักท่องเที่ยวทั่วไปเข้ามาท่องเที่ยวได้เมื่อไหร่ ทั้งนี้คาดว่าน่าจะมีความชัดเจนขึ้นในอีก 2-3 สัปดาห์นับจากนี้

“อินเดียระดมฉีดวัคซีนให้คนในประเทศตั้งแต่กลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา มาสะดุดการแพร่ระบาดรอบ 2 ในช่วงเดือนเมษายน ทำให้ต้องปรับแผนการฉีดวัคซีน ตอนนี้คนอินเดียฉีดวัคซีนไปแล้วประมาณ 600 ล้านโดส แบ่งเป็นฉีดเข็มที่ 1 ประมาณ 35% และฉีดเข็มที่ 2 แล้วประมาณ 10% โดยเฉพาะในเมืองหลัก ๆ เช่น นิวเดลี, มุมไบ ฯลฯ มีจำนวนคนที่ฉีดวัคซีนแล้วในอัตราที่สูงมาก และคาดว่าน่าจะครอบคลุมทั้งหมดประมาณเดือนตุลาคมนี้” นายวชิรชัยกล่าวและว่า จากแนวโน้มดังกล่าวนี้ ทำให้คนอินเดียมีความพร้อมสำหรับออกเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศแล้ว

นายวชิรชัยกล่าวว่า ตลาดอินเดียเป็นตลาดที่มีศักยภาพและเป็นตลาดที่ทั่วโลกให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่มีจำนวนประชากรรวมกว่า 1,400 ล้านคน โดยในปี 2562 ที่ผ่านมา คนอินเดียออกเดินทางไปต่างประเทศ จำนวน 26.92 ล้านคน เติบโตจากปีก่อนหน้าประมาณ 2.3%

โดยแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับ 1 ของคนอินเดียในช่วงนี้คือ มัลดีฟส์ และตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคม 2564 คนอินเดียเดินทางไปท่องเที่ยวที่มัลดีฟส์รวมจำนวน 103,195 คน (ไม่มีนักท่องเที่ยวในช่วงเดือนช่วงเมษายน-กลางเดือนกรกฎาคม 2564 เนื่องจากมัลดีฟส์ปิดประเทศ)

นางสาวชลดากล่าวเสริมว่า สำหรับประเทศไทยนั้น ในปี 2562 ที่ผ่านมาตลาดอินเดียถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และมีจำนวนสูงสุดเป็นอันดับ 3 ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวรวม 1.96 ล้านคน เติบโต 25.48% จากปี 2561 และสร้างรายได้ให้ไทยจำนวน 80,039.88 ล้านบาท หรือเติบโต 19.96% เมื่อเทียบกับปี 2561

“จากการสำรวจความต้องการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศของคนอินเดีย โดย Thomas Cook เมื่อเดือนมิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา จากกลุ่มตัวอย่างมากกว่า 4,000 ราย พบว่า ร้อยละ 46 ต้องการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยประเทศที่ต้องการเดินทางไปมากที่สุด ได้แก่ ดูไบ/อะบูดาบี มัลดีฟส์ และไทย” นางสาวชลดากล่าว

และว่า นอกจากนี้กว่า 90% เป็นดีมานด์ที่อยากมาประเทศไทย โดยส่วนใหญ่ยังมองว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยและเป็นจุดหมายปลายทางที่คุ้มค่าคุ้มราคา

สำหรับในปี 2564 นี้ นางสาวชลดา กล่าวว่า สถานการณ์โดยรวมของตลาดอินเดียยังคาดการณ์ยาก อย่างไรก็ตาม ททท.และแทรเวลเอเย่นต์ต่าง ๆ ได้เตรียมความพร้อมสำหรับรองรับแล้ว ทั้งนี้คาดว่าหากพิจารณาตามจำนวนที่นั่ง (seat capacity) ของสายการบินที่ให้บริการคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียในช่วง 1 ตุลาคม-31 ธันวาคม 2564 (แบบไม่มีกักตัว) แบ่งเป็น 2 สมมุติฐาน (scenario)

ได้แก่ สมมุติฐานที่ 1 เที่ยวบินพาณิชย์กลับมาบินใน 6 เมืองหลัก ได้แก่ นิวเดลี มุมไบ กัลกัตตา ไฮเดอราบาด เชนไน และบังคาลอร์ สัปดาห์ละ 1 เที่ยวบิน ประมาณการเที่ยวบินละ 250 ที่นั่งรวม 14 สัปดาห์ เท่ากับ 21,000 ที่นั่ง หรือประมาณการเดินทางเข้าไทยสัปดาห์ละไม่เกิน 1,500 คน รวม 14 สัปดาห์ ประมาณ 21,000 คน สร้างรายได้ 938.45 ล้านบาท (ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 44,688 บาท/ทริป)

และสมมุติฐานที่ 2 ไม่มีเที่ยวบินพาณิชย์ มีแต่เที่ยวบินเช่าเหมาลำ (charter flight) สัปดาห์ละ 1 ครั้งใน 2 เมืองหลัก ได้แก่ นิวเดลีและมุมไบ เที่ยวบินละ 150 ที่นั่ง รวม 14 สัปดาห์ เท่ากับ 2,100 ที่นั่ง หรือประมาณการนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยสัปดาห์ละ 300 คน รวม 14 สัปดาห์ ประมาณ 4,200 คน สร้างรายได้ 187.69 ล้านบาท