“ทรัมป์” ขู่เก็บภาษีจีนเพิ่ม ตั้งเป้าสูง 1 แสนล้านดอลลาร์

สงครามการค้าระหว่าง 2 ยักษ์มหาอำนาจ “จีน-อเมริกา” ยังระอุหนักต่อเนื่อง ล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีคำสั่งให้พิจารณาขยายมูลค่าสินค้านำเข้าจากจีนที่จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตราที่สูงขึ้นอีก 100,000 ล้านดอลลาร์ เป็นการตอบโต้รัฐบาลจีนที่ประกาศแผนเรียกเก็บภาษีศุลกากร 25% กับสินค้าส่งออกของสหรัฐอเมริกา ที่รวมถึงถั่วเหลือง ข้าวโพด ยานยนต์ สินค้าเกษตรอื่น ๆ และเครื่องบินขนาดเล็ก

ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤตการค้าโลกเริ่มขยับใกล้มากขึ้นอีก หลังจากวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนตอบโต้รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างสมน้ำสมเนื้อ ด้วยการประกาศแผนการเก็บภาษีศุลกากร 25% กับสินค้าส่งออกของสหรัฐ จำนวน 106 รายการ ซึ่งครอบคลุมสินค้าเกษตรที่สำคัญของสหรัฐ อย่างถั่วเหลือง ข้าวโพด และข้าวฟ่าง นอกจากนี้ ยังหมายรวมถึงรถยนต์ และเครื่องบินขนาดเล็กที่มีน้ำหนักไม่เกิน 45,000 กิโลกรัมด้วย

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ของจีนเปิดเผยว่า ในรายการสินค้านำเข้าจากสหรัฐ 106 รายการ จะรวมถึงผลิตภัณฑ์เคมีและเนื้อวัวแช่แข็งของสหรัฐ เพียงแต่รัฐบาลจีนยังไม่ได้ประกาศว่าจะเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อใด เนื่องจากเปิดโอกาสให้สหรัฐเข้าเจรจากับรัฐบาลจีน เพื่อร่วมกันหาทางออกที่ดีกว่านี้

อย่างไรก็ตาม ทางฝั่งประธานาธิบดีทรัมป์กลับข่มขู่กลับด้วยแถลงการณ์ในวันที่ 6 เม.ย.ระบุว่า “จีนมีพฤติกรรมการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของอเมริกาอย่างไม่เป็นธรรม และแทนที่จะพยายามแก้ไขการกระทำที่ไม่ถูกต้อง จีนกลับเลือกที่จะทำร้ายเกษตรกรและผู้ผลิตของเรา ดังนั้น สหรัฐจำเป็นต้องพิจารณาขยายมูลค่าสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 100,000 ล้านดอลลาร์”

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จำนานไม่น้อยที่มองว่า “สหรัฐและจีนต้องหันหน้าคุยกัน มากกว่าเล่นสงครามน้ำลาย” ขณะที่ “ดีน การ์ฟิลด์” นักวิเคราะห์จากสภาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศในวอชิงตัน กล่าวว่า “การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศว่า อาจขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนอีก 100,000 ล้านดอลลาร์ เป็นการแสดงถึงความไม่รับผิดชอบ และก่อให้เกิดอันตรายต่อเศรษฐกิจสหรัฐอย่างมาก สหรัฐและจีนต้องหารือกันอย่างคนที่มีภาวะผู้นำ เพื่อกำหนดหนทางแก้ไขปัญหาก่อนที่จะลุกลามบานปลาย เพราะผลกระทบของการกระทำเหล่านั้นส่งผลกระทบในระดับโลก”

แม้แต่สมาชิกพรรครีพับลิกันจากหลายรัฐ เช่น จากรัฐทางตะวันตกและแถบมิดเวสต์ ก็เริ่มออกมาเตือนถึงผลเสียที่จะเกิดกับผู้ส่งออกสินค้าเกษตรของอเมริกา รวมถึง “เบน แซสส์” ส.ว.รีพับลิกันจากรัฐเนแบรสกา ที่แสดงความหวังว่า

“ผู้นำทรัมป์อาจแค่ข่มขู่จีนเท่านั้น เพราะหากเขาตระหนักถึงแผนการนี้อย่างจริงจังแม้เพียงครึ่งเดียว ก็บ้าไปแล้ว เกษตรกรชาวอเมริกันกำลังแย่ และกลับเป็นกลุ่มที่ต้องรับเคราะห์หนักจากสงครามภาษีนี้”

ขณะที่ผู้นำหลายอุตสาหกรรมในสหรัฐมองว่า ประธานาธิบดียังไม่มีแผนที่จะทำให้อเมริกาเป็นฝ่ายชนะได้แม้แต่น้อย พฤติกรรมของผู้นำกำลังเสี่ยงจุดไฟเผาภาคเกษตรกรรมอเมริกันมากกว่า