ผู้เชี่ยวชาญชี้ ‘มุน-คิม’ เร็วไป คว้าโนเบลสันติภาพ ด้านทรัมป์ ‘ไม่เหมาะสม’

AFP PHOTO

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า จากที่การประกาศรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2018 ใกล้เข้ามา ทำให้มีการคาดการณ์กันว่าใครจะเป็นผู้ได้รับรางวัลในปีนี้ โดยสำหรับโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาแล้วน่าจะยากลำบาก การปรองดองระหว่าง 2 เกาหลีก็ยังอาจเร็วเกินไป เช่นเดียวกับสันติภาพระหว่างเอธิโอเปียกับเอริเทรีย

ความเป็นไปได้ของรางวัลที่คณะกรรมการรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพของนอร์เวย์ 5 คนต้องพิจารณาค่อนข้างกว้างในปีนี้ โดยมีบุคคลและองค์กรรวมแล้ว 331 รายชื่อที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้ได้รับรางวัลในปีนี้ ซึ่งจะมีการประกาศผลที่กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ในวันที่ 5 ตุลาคมนี้

และเหมือนเช่นเคยที่แม้ว่าข้อเท็จจริงแล้ว รายชื่อของผู้ที่ถูกเสนอให้รับรางวัลจะเป็นความลับ แต่ก็มีการคาดเดาถึงผู้ที่น่าจะคว้ารางวัลนี้อย่างหนาหู

และจากที่การประกาศรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมถูกเลื่อนไปไม่มีกำหนดเป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปี จากเรื่องอื้อฉาวทางเพศเกี่ยวกับขบวนการเคลื่อนไหว #MeToo ที่รายล้อมราชบัณฑิตยสภาสวีเดน ทำให้รางวัลโนเบลสันติภาพเป็นสาขาที่ได้รับการเฝ้ารอมากที่สุดแบบเดี่ยวๆ ในปีนี้

รายงานข่าวระบุว่า อัตราต่อรองของเว็บไซต์รับพนันออนไลน์แบบถูกกฎหมายหลายแห่งให้คิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือและมุน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้เป็นตัวเก็งจากความพยายามที่จะสร้างสัมพันธ์ใหม่ระหว่างกันอีกครั้ง

แต่แดน สมิธ หัวหน้าสถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์ม (ซีปรี) ในสวีเดน ผู้เชี่ยวชาญด้านรางวัลโนเบลที่มักจะทายถูกมากกว่าผิดระบุว่า “ในทางหนึ่ง ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 เกาหลีถือเป็นพัฒนาการอันยิ่งใหญ่ที่ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดในสาขานี้ในปีนี้ แต่ในอีกทางหนึ่งผมคิดว่า จะเร็วเกินไปหรือไม่ในการมอบรางวัลบนพื้นฐานเรื่องนี้ในปีนี้”

นอกจากนี้แล้ว ประวัติด้านสิทธิมนุษยชนของคิมทำให้เขาไม่น่าจะมีโอกาสมากนัก เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว มุนจะมีโอกาสคว้ารางวัลนี้ด้วยตัวคนเดียวหรือไม่

“เขาทำได้เป็นอย่างดี จากการใช้โอลิมปิกฤดูหนาวที่เมืองพยองชังในการส่งเสริมสันติภาพ”นายปีเตอร์ วัลเลนสตีน ศาสตราจารย์ชาวสวีเดนผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกล่าว

ขณะที่สำหรับทรัมป์แล้ว บุคคลที่โด่งดังในระดับนานาชาติหลายคนทั้งบอริส จอห์นสัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ รวมถึงมุนเองได้เคยระบุว่า ผู้นำสหรัฐอาจได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพจากความริเริ่มในเรื่องคาบสมุทรเกาหลี

ด้วยอัตราต่อรองที่ 7-1 ประธานาธิบดีสหรัฐจอมคุยเขื่องเป็น 1 ใน 3 ตัวเก็งของบริษัทรับพนันเบ็ตส์สัน อย่างไรก็ตาม สมิธระบุว่า “ไม่เหมาะสม” โดยชี้ให้เห็นว่าการตัดสินใจหลายๆ ครั้งของทรัมป์ “เป็นไปในแง่ลบอย่างมากถ้าพูดถึงเรื่องสันติภาพ” ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือการถอนตัวจากความตกลงปารีสว่าด้วยโลกร้อนและข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน

ขณะที่ความปรองดองที่เพิ่งเริ่มต้นระหว่างเอธิโอเปียและเอริเทรียยังจุดชนวนให้เกิดความหวังว่าทั้ง 2 ชาติเพื่อนบ้านจะบรรลุข้อตกลงด้านสันติภาพที่ยืนยาวได้หลังทำสงครามกันมายาวนาน 20 ปี

สำหรับวัลเลนสตีน นายกรัฐมนตรีอาบีย์ อาห์เหม็ดของเอธิโอเปียอาจได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพได้ แต่เขาเพิ่งจะขึ้นครองอำนาจเมื่อเดือนเมษายน ขณะที่การพิจารณารายชื่อผู้เข้าชิงเริ่มมาตั้งแต่ต้นปีซึ่งอาจช้าเกินไปสำหรับคณะกรรมการ

นักสังเกตการณ์บางส่วนมองถึงผู้ท้าชิงที่มีรายชื่อมายาวนานกว่า จากการที่ขบวนการเคลื่อนไหว #MeToo สร้างความตระหนักเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศไปทั่วโลกทำให้รางวัลอาจตกเป็นของเดนิส มูเควเก นรีแพทย์ชาวคองโกหรือ นาเดีย มูราด เหยื่อข่มขืนชาวเผ่ายาซิดีที่เป็นนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรี

ด้านเฮนริก เออร์ดาล หัวหน้าสถาบันวิจัยสันติภาพแห่งออสโล ในนอร์เวย์ (พริโอ) เชื่อว่า รางวัลอาจตกเป็นของโครงการอาหารโลกแห่งสหประชาชาติ (ดับเบิลยูเอฟพี) ที่ช่วยเหลือผู้อดอยากหลายล้านคนทุกๆ ปี

ขณะที่ผู้มีความเป็นไปได้รายอื่นๆ ยังมีรวมถึงสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) ราอิฟ บาดาวี บล็อกเกอร์ชาวซาอุดีอาระเบียที่ถูกจำคุก หรือองค์กรสื่ออย่างผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน (อาร์เอสเอฟ) องค์การเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนของรัสเซียอย่างเอ็นจีโอเมมโมเรียล และหนังสือพิมพ์โนวายากาเซตาของฝ่ายค้าน

 

ที่มา มติชนออนไลน์