จับตาจีนงัดเกม “ค่าเงิน” ตอบโต้สงครามการค้า

และแล้วผลการเจรจาครั้งสำคัญระหว่างผู้แทนการค้าของสหรัฐอเมริกากับจีน เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา ล้มเหลวอีกครั้ง ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใด ๆ ขณะที่สหรัฐได้ปรับขึ้นภาษีนําเข้าสินค้าจากจีนรอบที่ 3 วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐจาก 10% เป็น 25% เป็นไปตามคำขู่ของประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์”

แม้การขึ้นภาษีครั้งนี้จะมีเป้าหมายเพื่อกดดันให้การเจรจาสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงได้โดยเร็ว ตามทวีตของนายทรัมป์ที่ระบุว่าการเจรจาครั้งนี้ “ช้าเกินไป” แต่นักวิเคราะห์กลับมองว่า ผลของการขึ้นภาษีกลับส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจสหรัฐและผู้บริโภคชาวอเมริกันโดยตรง

“เดโบราห์ เอลมส์” ผู้อำนวยการบริหารแห่งสมาคมการค้าธุรกิจแห่งเอเชียของสหรัฐชี้ว่า “บริษัทอเมริกันเองที่จะมีต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้น 25% ทันที ส่วนจีนก็จะมีมาตรการตอบโต้อย่างแน่นอน”

โดยมาตรการกำแพงภาษีครั้งนี้หลัก ๆ จะเป็นสินค้าสินค้าอุปโภคบริโภค อาทิ เฟอร์นิเจอร์, จักรยาน, กล้องถ่ายรูป, นาฬิกา, สินค้าเทคโนโลยี เป็นต้น

“บีบีซี” อ้างอิงสถิติของสถาบันเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศปีเตอร์สันระบุว่า ธุรกิจอเมริกันที่นำเข้าสินค้าจากจีน ประเภทของเล่นและอุปกรณ์การกีฬาจะได้รับผลกระทบทั้งหมด 100% ขณะที่กลุ่มสินค้ารองเท้ากีฬาและเสื้อผ้าสิ่งทอจะได้รับผลกระทบ 93% และ 91% ตามลำดับ รวมถึงกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ จะมีสินค้าที่ได้รับผลกระทบราว 67%

“สตีเฟน พาเซิร์บ” ประธานสมาคมของเล่นของสหรัฐ ระบุว่า สินค้าของเล่นที่จำหน่ายในสหรัฐถึง 3 ใน 4 ผลิตในจีน อย่างเช่น “L.O.L. Surprise dolls” ตุ๊กตาที่ได้ความนิยมมากในสหรัฐ จะต้องถูกปรับราคาเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ยอดขายลดลงไปด้วย เขากล่าวว่า “พวกเราเป็นธุรกิจที่กำไรไม่สูงและมีความอ่อนไหวด้านราคา หากมีการปรับขึ้นราคาสินค้าถึง 25% จากของเล่นราคา 10 ดอลลาร์สหรัฐ ก็จะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อแน่นอน”

ส่วน “ซาจ แชนด์เลอร์” รองประธานฝ่ายการค้าระหว่างประเทศแห่งสมาคมเทคโนโลยีผู้บริโภคของสหรัฐชี้ว่า สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ แม้แต่โดรน ซึ่งส่วนมากมีฐานการผลิตในจีนก็จะได้รับกระทบด้านต้นทุนด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม “แอปเปิล” บริษัทผู้ผลิตไอโฟน ซึ่งมีโรงงานประกอบในจีน ยังไม่มีความคิดเห็นต่อมาตรการภาษีนี้แต่อย่างใด

ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนได้คาดการณ์ว่า การขึ้นภาษีของสหรัฐครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อจีน โดยเฉพาะการเติบโตของจีดีพีของประเทศที่จะลดลงประมาณ 0.3%

ขณะที่ “หลิว เหอ” รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะผู้แทนการค้าของจีนในการเจรจา ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ “โกลบอลไทม์” ระบุว่า ยังคงมองแง่บวกเกี่ยวกับอนาคตของการเจรจาในครั้งต่อไป โดยเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจีนมีความยืดหยุ่นและมีเสถียรภาพในระยะยาว แต่ที่น่าสนใจก็คือ รองนายกฯของจีนเปิดเผยว่า นอกจากที่จีนจะพิจารณาตอบโต้ทางภาษีกับสหรัฐแล้ว จีนอาจจะพิจารณาปรับเปลี่ยนเงื่อนไขบางอย่างสำหรับภาคการลงทุนจากต่างประเทศ หรือใช้เครื่องมือตอบโต้ด้านอื่น ๆ ต่อสหรัฐ

และในวันที่ 13 พ.ค. ธนาคารกลางจีนประกาศอัตราอ้างอิงค่าเงินหยวนที่ 6.8 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลง 0.42% นับเป็นระดับอ่อนค่าที่สุดในรอบ 4 เดือน ซึ่งนักวิเคราะห์ต่างจับตาว่า นี่คือการเล่นเกมสงครามค่าเงินตอบโต้สหรัฐ โดยที่ “รอยเตอร์ส” อ้างนักสังเกตการณ์ตลาดการเงินว่า เป็นไปได้ที่เงินหยวนจะอ่อนค่าลงอีก 5% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า

นายทอมมี่ เซีย นักวิเคราะห์ตลาดจีน ของธนาคาร OCBC ในสิงคโปร์ กล่าวว่า “ปกติจะไม่มีประเทศไหนที่จะใช้สกุลเงินเป็นอาวุธสงครามการค้า ยกเว้นจีนกับสหรัฐ ทุกอย่างล้วนเป็นไปได้ ซึ่งในระยะสั้นหากค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงเรื่อย ๆ ต่อเนื่อง ต้องพิจารณาอีกทีว่ามีความเกี่ยวโยงกับสงครามการค้าหรือไม่”

อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มที่ดีว่าการเจรจาจะยังมีต่อ นายหลิวย้ำว่าจะมีการเปิดเจรจารอบใหม่ขึ้นที่ปักกิ่งเร็ว ๆ นี้ พร้อมเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายอย่าสร้างความตึงเครียดเพิ่มขึ้นอีก

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวกับ “บลูมเบิร์ก” ว่า ได้รับ “จดหมายที่ยอดเยี่ยม” จากประธานาธิบดี สี จิ้นผิง โดยระบุว่าจะมีการพูดคุยเจรจากันผ่านทางโทรศัพท์เร็ว ๆ นี้ ซึ่งนับว่าเป็นสัญญาณที่ดีระหว่าง 2 ประเทศ