เหตุการณ์การประท้วงต่อต้านกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนในฮ่องกง ได้ลุกลามบานปลายจนกลายเป็นการบุกยึดและทำลายอาคารรัฐสภาฮ่องกง เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ที่ผ่านมาอันเป็นวาระครบรอบ 22 ปีที่อังกฤษคืนเกาะฮ่องกงให้กับจีน
สำนักข่าวเดอะสเตรตส์ไทมส์ รายงานความคืบหน้าว่า ผู้ชุมนุมเตรียมที่จะชุมนุมประท้วงรอบใหม่ในวันที่ 7 ก.ค. นี้ โดยจะเริ่มการชุมนุมที่สวนซาลิสเบอรี ในย่านจิมซาจุ่ยของเมืองช่วงเวลาบ่าย ก่อนที่จะมุ่งหน้าที่สถานีรถไฟเวสท์ เกาลูน ซึ่งเป็นสถานีรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อกับจีนแผ่นดินใหญ่
- ด่วน ! วอยซ์ ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมคือ ให้ผู้บริหารของฮ่องกงยกเลิกการพิจารณาร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนของฮ่องกงไปยังจีนแผ่นดินใหญ่อย่างถาวร และให้นางแคร์รี หล่ำ ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงที่สนับสนุนรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ลาออกในทันที
โดยการชุมนุมที่สถานีรถไฟในวันที่ 7 ก.ค. นี้ ผู้ชุมนุมต้องการที่จะส่งต่อความคิดของพวกเขา ไปยังนักท่องเที่ยวที่มาจากจีนแผ่นดินใหญ่เพื่อกระจายความคิดของผู้ชุมนุมชาวฮ่องกง “ไปทั่วทุกมุมของจีน” โดยครั้งนี้ผู้ชุมนุมให้ระบุว่าจะชุมนุมโดยสงบและปราศจากความรุนแรง
ขณะที่ในวันที่ 5 ก.ค. กลุ่ม “ฮ่องกงมาเธอร์” (Hong Kong mothers) ได้เรียกร้องให้กลุ่ม “พ่อ-แม่” ผู้สูงวัยออกมารวมตัวกันที่สวนชาร์เตอร์ ย่านใจกลางเมือง เพื่อแสดงพลังสนับสนุนคนหนุ่มสาวที่เป็นกลุ่มคนหลักที่ออกมาชุมนุมประท้วง
ก่อนหน้านี้ในวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา นายเจเรมี ฮันท์ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในฮ่องกงกับสำนักข่าวบีบีซีว่า เขาประณามการใช้ความรุนแรงจากทุกฝ่าย แต่ “จีนต้องเคารพความเป็นเอกเทศระดับสูงของฮ่องกง” ซึ่งจีนอาจได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรงหากใช้ความรุนแรงปราบปรามผู้ชุมนุม
ซึ่งต่อมา สำนักข่าวซินหัวของจีนได้เผยแพร่การตอบโต้ของนายหลิว เสี่ยวหมิง เอกอัครราชทูตจีนประจำอังกฤษ ที่ออกมาเรียกร้องให้อังกฤษพิจารณาท่าทีที่มีต่อสถานการณ์ในฮ่องกง
โดยนายหลิวเน้นย้ำว่า ขณะนี้ฮ่องกงเป็นเขตปกครองพิเศษของจีน ไม่ใช่อาณานิคมของอังกฤษ ฮ่องกงจึงถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของจีน และจีนจะไม่ยอมทนต่อการแทรกแซงของประเทศ กลุ่มหรือบุคคลใด ๆ อย่างแน่นอน