“ทรัมป์” หารือญี่ปุ่นนอกเวที G7 ฟื้นการค้าหวังชดเชย “จีน”

REUTERS/Carlos Barria

ต่อเนื่องจากวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา “จีน-สหรัฐอเมริกา” เปิดฉากตอบโต้สงครามการค้าอย่างรุนแรงอีกครั้ง โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่ารัฐบาลวอชิงตันเตรียมจะเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่มอีก 5% เป็นอัตราภาษีใหม่ที่ 30% สำหรับสินค้าจากจีนมูลค่า 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ต.ค.นี้

เป็นการตอบโต้จีน หลังจากที่รัฐบาลปักกิ่งประกาศจะเก็บภาษีสินค้าสหรัฐมูลค่า 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในอัตรา 5-10% แล้วจะบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย. และบางส่วนที่เหลือในวันที่ 15 ธ.ค.ปีนี้

ความขัดแย้งที่ดูจะบานปลายหนักขึ้น ส่วนหนึ่งทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์ หารือข้อตกลงทางการค้าร่วมกับ “ญี่ปุ่น” นอกรอบเวทีการประชุม G7 ที่ประเทศฝรั่งเศส

เจแปนไทมส์ รายงานว่า สหรัฐและญี่ปุ่น พยายามจะฟื้นความสัมพันธ์ทางการค้าร่วมกันภายในเดือน ก.ย.นี้ โดยในระหว่างการประชุม G7 ทั้งประธานาธิบดีทรัมป์ และนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ของญี่ปุ่น สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันอย่างกว้างๆ

โดยนายกฯ อาเบะ กล่าวว่า การหารือระหว่างสองประเทศจะเกิดประโยชน์มหาศาลต่อทั้งสอง โดยญี่ปุ่นเตรียมที่จะซื้อสินค้าเกษตรบางอย่างจากสหรัฐด้วย เช่น ข้าวโพด นอกจากนี้ญี่ปุ่น กำลังพิจารณาลดภาษีสำหรับ “เนื้อสุกรและเนื้อวัว” ของสหรัฐให้เหลือเทียบเท่ากับสมาชิก CPTPP อื่นๆ โดยในปัจจุบันญี่ปุ่นเก็บภาษีนำเข้าสินค้าประเภทนี้ อยู่ที่ 38.5% โดยคาดว่าจะลดลงเหลือเพียง 9% อีกทั้งรายงานเปิดเผยว่า ทางการญี่ปุ่นอาจจะลดภาษีสินค้าประเภทเนยและนมพร่องมันเนยให้กับสหรัฐด้วย

ขณะเดียวกัน สหรัฐเองก็เตรียมยกเลิกและลดภาษีให้กับสินค้าอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นหลายชนิด โดยรายงานระบุว่า สำหรับการนำเข้ารถยนต์จากญี่ปุ่นคาดว่าสหรัฐอาจจะยกเว้นภาษีนำเข้าให้กับญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตาม นายโทชิมิสึ โมเตะกิ ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้เจรจาต่อรองด้านการค้าของญี่ปุ่น ระบุว่า การยกเว้นภาษีนำเข้ารถยนต์ให้กับญี่ปุ่น ถือเป็นข้อตกลงทางการค้าที่ค่อนข้างอ่อนไหวต่อสหรัฐ ซึ่งที่ผ่านมาทางการวอชิงตันกล่าวอ้างมาตลอดว่า สหรัฐเสียดุลการค้าให้กับหลายประเทศ รวมถึง ญี่ปุ่น เป็นจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ดังนั้น ข้อตกลงว่าด้วยเรื่องการยกเว้นภาษีนำเข้ารถยนต์ ต้องใช้เวลาในการเจรจาร่วมกันในเดือน ก.ย. และเป็นไปได้ว่าอาจจะใช้เวลามากถึง 3 เดือนเพื่อหาข้อสรุปที่เหมาะสม