สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า กระทรวงการคลังนิวซีแลนด์ได้ออกแถลงการณ์ในวันนี้ (11 ธ.ค.62) ปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยคาดว่าอัตราการเติบโตของปี 2019 จะอยู่ที่ 2.3% จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 3.2% สอดคล้องกับนักเศรษฐศาสตร์จากหลายสำนักซึ่งประเมินว่าการเติบโตของเศรษฐกิจนิวซีแลนด์ในปีนี้จะต่ำกว่า 3%
นอกจากนี้กระทรวงการคลังนิวซีแลนด์ ยังประกาศแผนเตรียมจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยอ้างถึงภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวจากสาเหตุสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา รวมไปถึงความไม่แน่นอนของการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ หรือ “เบร็กซิต”
- ด่วน ! วอยซ์ ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
“แกรนท์ โรเบิร์ทสัน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนิวซีแลนด์ ได้กล่าวว่า รัฐบาลเตรียมแผนลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศจำนวนเงิน 12,000 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ นับว่าเป็นการลงทุนของภาครัฐจำนวนมากที่สุดในรอบมากกว่า 20 ปี โดยเป็นการลงทุนทางด้านระบบคมนาคม 6,800 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์
ทั้งนี้ ในแถลงการณ์ยังมีการคาดการณ์อีกว่า งบประมาณปี 2019/2020 จะขาดดุลประมาน 900 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ ซึ่งน้อยกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 1,300 ล้านนิวซีแลนด์ดอลลาร์ โดยทางกระทรวงคลังประกาศว่าจะบริหารหนี้สาธารณะให้อยู่ในกรอบ 15%-20% ต่อจีดีพี
ขระเดียวกัน รัฐบาลนิวซีแลนด์จัดทำงบประมาณแบบสมดุลติดต่อกัน นับตั้งแต่ปี 2017 อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังเผชิญแรงกดดันให้เพิ่มรายจ่ายภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ นายโรเบิร์ทสัน ได้กล่าวย้ำว่า “รัฐบาลนิวซีแลนด์มีสถานะทางการคลังที่แข็งแกร่ง อีกทั้งในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ดังนั้นจึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสามารถในการแข่งขันของในอนาคตได้”