จับตาทางออก “เบร็กซิต” หลังจบศึกเลือกตั้งอังกฤษ

หลายฝ่ายคาดหวังว่าการเลือกตั้งทั่วไปใน สหราชอาณาจักร (ยูเค) ในวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา จะช่วยพลิกสถานการณ์เศรษฐกิจของยูเค และกอบกู้ความเชื่อมั่นนักลงทุนได้หลังจากที่บอบช้ำจากปัญหาการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือ “เบร็กซิต” มานานกว่า 3 ปี

รอยเตอร์สรายงานว่า นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ได้กล่าวก่อนวันเลือกตั้งเพียง 2 วัน โดยให้คำมั่นว่าจะผลักดันผ่านข้อตกลงเบร็กซิตกับอียูได้ทันภายในวันที่ 31 ม.ค. 2020 ขณะที่สมาชิกของอียูประกาศด้วยเช่นกันว่าจะขยายเดดไลน์เบร็กซิตเป็นครั้งที่ 3 เลื่อนไปเป็นช่วงปลายเดือน มี.ค. 2020 ในกรณีที่นายจอห์นสันชนะการเลือกตั้งครั้งนี้

ก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งสัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในอังกฤษ ผลสำรวจความคิดเห็นจากหลายสำนัก รวมทั้ง “ยูกอฟ” (YouGov) ชี้ว่า พรรคอนุรักษนิยมของนายกฯจอห์นสันจะชนะการเลือกตั้งโดยมีเสียงข้างมากถึง 68 เสียงมากกว่าพรรคฝ่ายค้าน และสามารถกวาดที่นั่งในรัฐสภาอังกฤษได้ถึง 359 ที่นั่ง จากทั้งหมด 650 เสียง

ขณะที่ พรรคแรงงาน ของ นายเจเรมี คอร์บิน จะได้ 211 ที่นั่งในสภา ลดลง 50 ที่นั่ง จากที่นั่งทั้งหมดในปัจจุบัน 262 เสียง

ทั้งนี้ นายเทรเวอร์ คาวานาฟ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองอังกฤษ และเบร็กซิตจาก “เดอะซัน” หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ของอังกฤษ กล่าวว่า มีโอกาสสูงที่อังกฤษจะสามารถบรรลุข้อตกลงเบร็กซิตได้ภายในวันที่ 31 ม.ค.ปีหน้า หรืออย่างช้าก็อีก 2 เดือนข้างหน้าภายใต้รัฐบาลของนายจอห์นสัน โดยการหารือระหว่างอียูจะยังเป็นไปในทิศทางบวก

นอกจากนี้ ยังมองว่านายจอห์นสันจะสามารถผลักดันข้อตกลงเบร็กซิตผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาอังกฤษได้ง่ายขึ้นหากครองเสียงข้างมากในรัฐสภา

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์การเมืองของ “บีบีซี” ประเมินว่า เส้นทางเบร็กซิตของ “เจเรมี คอร์บิน” ที่จะเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ลงประชามติครั้งที่ 2 หากได้รับชัยชนะจะยิ่งทำให้ระบบเศรษฐกิจของอังกฤษเลวร้ายขึ้นอีก เพราะกระบวนการเบร็กซิตจะยืดเยื้อและวุ่นวายขึ้น ขณะเดียวกัน สมาชิกของอียูเองน่าจะไม่เห็นด้วยเพราะความล่าช้าของเบร็กซิตก็กระทบต่อเศรษฐกิจของอียูเช่นกัน