สำนักข่าวอัลจาซีร่ารายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมเปิดเผยแผนการตะวันออกกลางต่อสาธารณชนในวันนี้ (28 ม.ค. 2020) ภายหลังรัฐบาลของปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ใช้เวลาร่างแผนดังกล่าวถึง 2 ปี โดยแผนการตะวันออกกลางจะเป็นแนวทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐในการแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์
โดยปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ได้หารือถึงรายละเอียดของแผนการสันติภาพกับนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ที่กรุงวอชิงตัน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (27 ม.ค. 2020) โดยภายหลังการหารือดังกล่าวนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวชื่นชมแผนการดังกล่าวว่าเป็นแผนการสันติภาพแห่งประวัติศาสตร์
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
นอกจากนี้ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ยังได้หารือกับ นายเบนนี่ แก๊นซ์ คู่แข่งทางการเมืองคนสำคัญของนายกรัฐมนตรีอิสราเอล ซึ่งภายหลังการหลังการหารือ “เบนนี่ แกนซ์” กล่าวว่า “แผนการดังกล่าวเป็นหลักไมล์สำคัญของการสร้างสันติภาพ โดยภายหลังการเลือกตั้งรัฐบาลใหม่ของอิสราเอลคาดว่าจะมีเสถียรภาพมากขึ้นและสามารถดำเนินการตามแผนการสันติภาพรว่มกับประเทศอื่น ๆ ในตะวันออกกลาง”
ทั้งนี้ทางสหรัฐไม่สามารถหาข้อยุติของรายละเอียดแผนการสันติภาพได้เมื่อปีที่ผ่านมาเนื่องจากอิสราเอลมีปัญหาทางด้านเสถียรภาพทางการเมือง โดยส่งผลให้นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ไม่สามารถรวมเสียงข้างมากเพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้ ซึ่งส่งผลต่อความล่าช้าในการหาข้อสรุปต่อแผนการดังกล่าว
จากการขาดผู้ชนะที่เด็ดขาดในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดส่งผลให้อิสราเอลจะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ในปีนี้ อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นว่าปัญหาการขาดเสถียรภาพทางการเมืองยังคงเป้นปัญหาที่ยืดเยื้อต่อไป ดังนั้นทางสหรัฐจึงเชิญผู้นำทางการเมืองของอิสราเอลทั้ง 2 คน มาหารือเพื่อให้การจัดทำแผนสันติภาพสามารถหาข้อยุติได้
ขณะที่ผู้นำของฝ่ายปาเลสไตน์ไม่ได้เข้าร่วมหารือกับ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ที่วอชิงตัน พร้อมทั้งปฏิเสธแผนดังกล่าวเนื่องจากเอื้อประโยชน์ให้กับอิสาราเอล อย่างไรก็ตาม “ทรัมป์” กลับมองว่าแผนการดังกล่าวเป็นส่งผลประโยชน์ต่อทุกฝ่ายและยังเชื่อว่าทางปาเลสไตน์จะยอมรับมันในอนาคต