เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (24 มิ.ย. 2020) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ออกรายงานมุมมองเศราฐกิจโลก ประจำเดือน มิ.ย. 2020 โดยไอเอ็มเอฟได้ปรับลดการคาดการ์อัตราการเติบโตเศรษฐกิจโลก โดยชี้ว่าเศรษฐกิจโลก ในปี 2020 จะ “ติดลบ” ถึง 4.9% ซึ่งรุนแรงกว่าที่เคยคาดไว้เมื่อ เม.ย. ที่ผ่านมาว่าเศรษฐโลกจะติดลบเพียง 3.0% เท่านั้น โดยให้เหตุผลว่าสถานการการระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจรุนแรงกว่าที่คาด อีกทั้งการฟื้นตัวก็เป็นไปอย่างล่าช้า
ทั้งนี้ เขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ถูกกระทบอย่างหนัก โดย “ไอเอ็มเอฟ” ประมาณว่าสหรัฐจะติดลบ 8% ขณะที่ยูโรโซนติดลบถึง 10.5% ซึ่งเป็นการปรับลดการคาดการณ์ของเขตเศรษฐกิจทั้งสองแห่งลงมากกว่า 2% จาก เมื่อ เม.ย. ขณะที่เศรษฐกิจของจีนที่คาดว่าจะเติบโต 1.2% ไอเอ็มเอฟได้ปรับคาดการณ์ลงเหลือเพียงเติบโต 1% เท่านั้น
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
ในส่วนของปี 2021 ที่ไอเอ็มเอฟมองว่าเศรษฐกิจโลกจะกลับมาฟื้นตัวจากการระบาด อย่างไรก็ตามรายงานฉบับล่าสุดได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะเคยเติบโต 5.8% สู่ระดับการเติบโตเพียง 5.4% นอกจากนี้ไอเอ็มเอฟยังกล่าวเตือนอีกว่าหากสถานการณ์การระบาดยังคงรุนแรงลากยาวไปจนถึงปี 2021 อาจส่งผลให้เศรษฐกิจโลกในปีดังกล่าวเติบโตเพียง 0.5% เท่านั้น
รายงานของ “ไอเอ็มเอฟ” ยังชี้อีกว่า ขณะที่รัฐบาลทั่วโลกต่างเร่งออกมาตรการทางการคลังเพื่อพยุงเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามการหดตัวของจีดีพีโลกและการลดลงของรายได้ภาครัฐจะส่งผลระดับหนี้สาธารณะทั่วโลกเพิ่มขึ้นสู่ระดับสุงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยระดับนี้สาธารณโลกจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 101.5% ของจีดีพี ในปี 2020 และยังคงเพิ่มอย่างต่อเนื่องสู่ระดับ 103.2% ต่อจีดีพี ในปี 2021 ขณะที่การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลทั่วโลกเฉลี่ยกันจะพุ่งขึ้นเตะระดับ 13.9 % ต่อจีดีพี ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 10% จากระดับของเมื่อปี 2019