เศรษฐกิจ ‘อียู’ วิกฤต แผน ‘ฉีดวัคซีน’ ไม่มาตามนัด

ขณะที่โครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของสหราชอาณาจักร (ยูเค) และสหรัฐอเมริกา กำลังดำเนินการไปอย่างรวดเร็ว แต่ความคืบหน้าการฉีดวัคซีนของ “สหภาพยุโรป” (อียู) เป็นไปอย่างช้ามาก และเต็มไปด้วยปัญหา ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการผลิตวัคซีนที่ล่าช้า ซัพพลายไม่เพียงพอ และอุปสรรคในการกระจายวัคซีน ขณะที่บางประเทศเริ่มผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ บางประเทศยังคงมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวด หลังอัตราผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยติดเตียงยังสูงมาก

“คาร์สตัน เบรสซ์กี้” หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจโลก บริษัท อิง รีเสิร์ช กล่าวว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอียูจะใช้เวลานานและช้ากว่าที่อื่น โดยคาดว่าจะกลับมาอยู่ในระดับก่อนโควิดระบาดอย่างเร็วต้นปี 2023 ซึ่งจะช้ากว่าสหรัฐอเมริกาถึง 6 เดือน

ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า การฉีดวัคซีนที่ล่าช้า ประกอบกับปัจจัยเศรษฐกิจหลายประเทศพึ่งพาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสูง ทำให้เศรษฐกิจอียูฟื้นตัวอย่างยากลำบาก ณ ตอนนี้ 27 ประเทศสมาชิกอียู (รวมไอซ์แลนด์, ลิกเตนสไตน์ และนอร์เวย์) ได้มีการฉีดวัคซีนโควิดให้กับประชาชนอย่างน้อย 1 โดสแล้วเพียง 6% ซึ่งถือเป็นอัตราต่ำมาก เมื่อเทียบกับสหราชอาณาจักร ที่ประชากรได้ฉีดวัคซีนโควิดอย่างน้อย 1 โดสแล้ว 30% ซึ่งความคืบหน้าการฉีดวัคซีนที่ล่าช้าทำให้หลาย ๆ ประเทศในอียูยังคงมีมาตรการล็อกดาวน์ลากยาวจากปีที่แล้วถึงปีนี้ และทำให้จีดีพีอียูไตรมาสแรกปีนี้จะหดตัวต่อเนื่อง

คณะกรรมาธิการยุโรป องค์กรฝ่ายบริหารของอียู ได้ปรับตัวเลขคาดการณ์จีดีพีปีนี้ของอียู จากเดิมคาดขยายตัว 4.1% มาอยู่ที่ 3.7%

ทั้งนี้ เป้าหมายของอียูจะฉีดวัคซีนให้ประชาชน 70% ก่อนสิ้นฤดูร้อน (กันยายน 2021) เพื่อมาช่วยให้เศรษฐกิจมีโอกาสขยายตัวได้ช่วงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตาม อียูต้องเร่งแก้ปัญหา รีบจัดส่งวัคซีนเพื่อให้ทันกับเป้าหมายที่ตั้งไว้

ขณะที่หลายประเทศโดยเฉพาะยุโรปตอนใต้อย่าง สเปน โปรตุเกส อิตาลี และกรีซ ซึ่งพึ่งพาการท่องเที่ยวจากต่างประเทศอย่างมาก ต้องการเร่งการฉีดวัคซีนเพื่อที่จะเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวทันช่วงฤดูร้อน (ปลาย พ.ค.-ก.ย.) ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวของแถบนี้ แต่ถ้าหากประชากรจำนวนน้อยได้ฉีดวัคซีน รัฐบาลหลาย ๆ ประเทศอาจยังไม่กล้าต้อนรับนักท่องเที่ยว

“เดวิด ออกซ์ลีย์” นักเศรษฐศาสตร์ยุโรปจากบริษัทวิจัยแคปิตอล อีโคโนมิกส์ ระบุว่า เมื่อ 2 เดือนก่อน ประเทศสเปนดูเหมือนจะสามารถกลับไปมีฤดูร้อนปกติ ที่นักท่องเที่ยวแห่กันเดินทาง แต่ตอนนี้ดูเป็นไปไม่ได้แล้ว

“แมดเดอเลน่า มาร์ตินี่” นักเศรษฐศาสตร์จากออกซฟอร์ด อีโคโนมิกส์ กล่าวว่า หากเปิดประเทศไม่ทันตามแผน ประเทศที่พึ่งการท่องเที่ยวสูง จีดีพีของประเทศเหล่านั้นจะลดฮวบอย่างมาก และจะทำให้ความต่างของจีดีพีประเทศ “ร่ำรวย” และ “ยากจน” ของอียูมีความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้นไปอีก และทำให้โอกาสที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลับมาฟื้นเหมือนก่อนช่วงโควิดระบาดได้อย่างเร็วที่สุดก็ต้นปี 2023

อย่างไรก็ตาม “อัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน” ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวว่า ทางการกำลังร่างกฎหมายเพื่อเริ่มโครงการ “วัคซีนพาสปอร์ต” ซึ่งจะเรียกว่า “ดิจิทัลกรีนพาส” เพื่อให้ทันการใช้งานเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น โดยดิจิทัลกรีนพาสนี้จะเป็นแพลตฟอร์มที่บันทึกประวัติการฉีดวัคซีน ผลการตรวจโรคโควิด-19 และประวัติทางการแพทย์อื่น ๆ เพื่อเข้ามาช่วยเหลือให้แต่ละคนสามารถเดินทางระหว่างประเทศภายในอียูได้อย่างปลอดภัย ไม่ว่าจะเพื่อไปทำงานหรือท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม ก็ได้เกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างสมาชิกอียูอีก ประเทศทางตอนเหนือที่ไม่ได้พึ่งการท่องเที่ยวมากมองว่า “ดิจิทัลกรีนพาส” จะเข้ามาแบ่งแยก และเกิดการเหยียดคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน แต่สมาชิกอียูทางตอนใต้ก็แย้งว่า พาสนี้จะเข้ามาช่วยเหลือให้คนสามารถเดินทางได้อย่างเสรีมากขึ้น ไม่ใช่เข้ามาจำกัดการเดินทาง

ทั้งนี้ทั้งนั้น แหล่งข่าวระบุว่าจะไม่เกิดสถานการณ์นี้ขึ้น ถ้าหากโครงการฉีดวัคซีนของอียูไม่ล่าช้าแบบนี้