ทางการของกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส, กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี และกรุงโรม ประเทศอิตาลี ได้มีการสั่งมาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง หลังโรคโควิด-19 ระบาดหนักเป็นระลอกที่ 3 ยอดผู้ติดเชื้อพุ่ง
วันที่ 19 มีนาคม 2564 แหล่งข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมืองหลวงในหลาย ๆ ประเทศภายในทวีปยุโรป ต้องกลับมาล็อกดาวน์อีกครั้ง หลังโรคโควิด-19 กลับมาระบาดเป็น “ระลอกที่ 3” ทั่วภูมิภาค
- ร้อนทะลุ-โลกเดือด “เอลนีโญ” ถึง “ลานีญา” ถล่มประเทศไทย
- ปิดโรงงานยอดเพิ่มเท่าตัว จับตาธุรกิจรถมือสองเสี่ยง
- ส่อง 70 หุ้นจ่ายปันผล ขึ้น XD สัปดาห์หน้า บจ.ไหนจ่ายสูง 8.50 บาท/หุ้น ?
สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส กำลังจะเข้าสู่การล็อกดาวน์ตั้งแต่วันนี้ (19 มีนาคม 2564) จนถึงวันที่ 19 เมษายน 2564 หลังพบผู้ติดเชื้อมากถึง 35,000 คน เมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา
โดยมาตราการล็อกดาวน์ภายในปารีส จะทำให้ธุรกิจที่ “ไม่สำคัญ” (non-essential business) ต้องปิดบริการ และได้ประกาศเคอร์ฟิวตั้งแต่เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป
รวมทั้งยังห้ามการเดินทางไปยังส่วนอื่น ๆ ของประเทศยกเว้นถ้าจำเป็น โดยต้องมีการเซ็นเอกสารรับรองถึงเหตุผลว่าทำไมถึงเดินทาง
อย่างไรก็ดี สถานศึกษายังคงเปิดตามปกติ และประชาชนยังสามารถออกกำลังกายข้างนอกได้ แค่ต้องอยู่ห่างไม่เกิน 10 กิโลเมตรจากที่อยู่อาศัย
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวเดอะ โลคัล เยอรมนี รายงานว่า กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี จากตอนแรกที่จะปลดมาตรการล็อกดาวน์ แต่หลังจากยังมีอัตราผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ยังคงต้องล็อกดาวน์ต่อไป
นอกจากนี้ สำนักข่าวยูโรนิวส์รายงานว่า กรุงโรม ประเทศอิตาลี ได้มีการออกมาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา และเมืองโรม รวมทั้งอีก 9 แคว้นได้ถูกกำหนดให้เป็น “พื้นที่สีแดง”
โดยธุรกิจที่ไม่สำคัญจะถูกปิดทั้งหมด และทางการอิตาลี อนุญาตให้ประชาชนเดินทางเพื่อไปทำงาน ซื้อของที่จำเป็น และออกไปพบแพทย์เท่านั้น