3 ซีอีโอยักษ์ธุรกิจออกตัว อุ้ม ‘บิตคอยน์’ เต็มที่

บิตคอยน์

3 ซีอีโอยักษ์ธุรกิจเทคโนโลยีของโลก “อีลอน มัสก์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเทสลา และสเปซเอ็กซ์ พร้อมด้วย “แจ็ก ดอร์ซีย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย “ทวิตเตอร์” และ “แคธี วูด” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกองทุน “อาร์ก อินเวสต์” (ARK Invest) ที่เน้นลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีแห่งอนาคต ได้เข้าร่วมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์งาน “เดอะ บี เวิร์ด” (The B Word) เมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา

อาจเรียกว่าเป็นความพยายามของการปลุกกระแสคริปโทเคอร์เรนซี หลังจากที่ราคาของ “บิตคอยน์” ร่วงลงจากจุดสูงสุดเมื่อช่วงเดือนเมษายนลงมาราว 50% มาอยู่ที่ระดับประมาณ 32,000 เหรียญ

ซีเอ็นบีซีรายงานว่า จุดประสงค์ของงาน “เดอะ บี เวิร์ด” คือการร่วม “ไขข้อสงสัย” และ “ลบภาพลักษณ์ไม่ดี” ต่อสกุลเงินดิจิทัล หรือคริปโทเคอร์เรนซีอย่างบิตคอยน์ ขณะเดียวกันได้ระบุถึงแง่มุมที่ไม่ดีของคริปโทเคอร์เรนซี อย่างเช่นการใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลืองด้วย

ทั้งนี้ “มัสก์” ถือเป็นบุคคลสำคัญในการปลุกกระแสคริปโทเคอร์เรนซี ได้กล่าวว่า ยังสนับสนุนการใช้งานของคริปโทเคอร์เรนซีในทุก ๆ ด้าน และเป็นกังวลอยู่เรื่องเดียวคือ การที่คริปโทเคอร์เรนซีใช้พลังงานมากเกินไป ซึ่งเป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม

ก่อนหน้านี้เทสลาได้ประกาศระงับการใช้ “บิตคอยน์” เพื่อซื้อรถยนต์เทสลาไปแล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม หลังจากเปิดให้สามารถใช้บิตคอยน์มาซื้อรถได้เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ดี ใน
งานนี้มัสก์ระบุว่า เทสลาอาจจะกลับมารับบิตคอยน์ในการซื้อรถยนต์เทสลาอีกครั้ง หากการขุดบิตคอยน์เริ่มใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น และเป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อมลดลง

โดยมัสก์กล่าวว่า นอกจากเทสลาแล้ว บริษัทท่องอวกาศ “สเปซเอ็กซ์” ตอนนี้ก็ได้ถือบิตคอยน์อยู่เช่นกัน และส่วนตัวมัสก์ก็นอกจากมีการลงทุนในบิตคอยน์ แล้วยังถือ “อีเทอเรียม” (Ethereum) และ “ดอจคอยน์” (Dogecoin) ด้วย พร้อมยืนยันว่าจะถือบิตคอยน์ในระยะยาว และย้ำว่าไม่ได้เป็นการเก็งกำไร แต่อาจจะทำให้ราคาคริปโทฯสูงขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ โดยมัสก์ให้เหตุผลว่า “แค่อยากเห็นความสำเร็จของบิตคอยน์เท่านั้น”

ขณะเดียวกัน “แจ็ก ดอร์ซีย์” ซีอีโอทวิตเตอร์ กล่าวในงานเดียวกันว่า คริปโทเคอร์เรนซีสามารถมาเป็น “ค่าเงินของอินเทอร์เน็ต” เพื่อให้การทำธุรกรรมทางการเงินง่ายยิ่งขึ้น กำจัดกระบวนการทำธุรกรรมทางการเงินที่วุ่นวายระหว่างสถาบัน การเงินดั้งเดิม ซึ่งจะเข้ามาช่วยทำให้ธุรกิจทั้งขนาดเล็กและใหญ่สามารถเติบโตได้อย่าง รวดเร็ว พร้อมชื่นชมว่าคริปโทเคอร์เรนซีสามารถนำ “ความสงบ” มายังโลกได้

ด้าน “แคธี วูด” กล่าวว่า บิตคอยน์สามารถกลายเป็นอีกทางเลือกที่จะมาแทนที่การทำธุรกรรมการเงินได้ โดยเฉพาะธุรกรรมโอนเงินระหว่างประเทศ เนื่องจากปัจจุบันมูลค่าตลาดของการโอนเงินสูงถึง 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะต้องมีการเสียค่าธรรมเนียมมากมายเพื่อส่งเงินระหว่างประเทศ โดยคริปโทเคอร์เรนซีจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้

นอกจากนี้ แคธี วูด ยังระบุว่า บิตคอยน์ดีต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าอุตสาหกรรมขุดเหมืองทอง และอุตสาหกรรมการเงินดั้งเดิมทั้งระบุว่า คริปโทเคอร์เรนซีจะเปิดโอกาสให้ประชาชนที่ไม่เข้าถึงระบบการเงินสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีการทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างง่ายดาย และไม่ยุ่งยากเหมือนกับการทำธุรกรรมทางการเงินดั้งเดิม