สหรัฐยกเลิกกำแพงภาษีนำเข้าเหล็กญี่ปุ่นจากยุคทรัมป์

REUTERS/Aaron Josefczyk/File Photo

สหรัฐ-ญี่ปุ่น เห็นชอบยกเลิกภาษีนำเข้าเหล็กจากยุครัฐบาลทรัมป์ รับมือนโยบายการค้าจีน

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 รอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐและรัฐบาลญี่ปุ่น เห็นชอบในการยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าเหล็กกล้าจากญี่ปุ่นที่ถูกกำหนดในยุครัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเป็นความร่วมมือระหว่างกันของสองชาติเพื่อรับมือกับนโยบายการค้าของจีนที่ส่งผลเชิงลบต่ออุตสาหกรรมเหล็กกล้าของทั้งสองชาติ

รายงานระบุว่า สหรัฐเตรียมประกาศงดเก็บภาษี 25% สำหรับการนำเข้าเหล็กกล้าจากญี่ปุ่นภายใต้โควตาการนำเข้า 1.25 ล้านตันต่อปี ขณะที่การนำเข้าเหล็กกล้าส่วนเกินจากโควตาดังกล่าวยังคงมีการเก็บภาษีในอัตราเดิม นโยบายใหม่นี้ให้เริ่มมีผลตั้งแต่ 1 เมษายนนี้เป็นต้นไป แต่ข้อตกลงใหม่นี้ครอบคลุมเฉพาะผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าเท่านั้น ไม่นับรวมถึงอะลูมิเนียม ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเผยว่า ในปี 2017 ก่อนหน้าการเริ่มกำแพงภาษีของทรัมป์ สหรัฐนำเข้าเหล็กกล้าจากญี่ปุ่นรวม 1.7 ล้านตัน โดยตัวเลขนี้ลดลงแตะ 1.1 ล้านตันในปี 2019

แถลงการณ์ร่วมระหว่างสหรัฐกับญี่ปุ่น กล่าวว่า ญี่ปุ่นจะเริ่มดำเนินการภายใน 6 เดือนต่อเนื่องจากมาตรการของสหรัฐ เพื่อหามาตรการภายในประเทศที่เหมาะสม เช่น การต่อต้านการทุ่มตลาด ภาษีตอบโต้ และมาตรการป้องกันหรือมาตรการอื่น ๆ ที่มีผลกระทบอย่างน้อยเท่าเทียมกัน เพื่อสร้างเงื่อนไขที่มุ่งเน้นตลาดมากขึ้นสำหรับตลาดเหล็กเหล็กกล้า

เจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าวว่า นโยบายใหม่นี้ทำให้ญี่ปุ่นและสหรัฐมีความก้าวหน้าร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อต่อสู้กับการผลิตเหล็กกล้าส่วนเกินทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่มีศูนย์กลางอยู่ที่จีน สอดคล้องกับ จีนา ไรมอนโด รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐกล่าวในการแถลงข่าวว่า “นโยบายที่เราประกาศในวันนี้เป็นการต่อยอดจากข้อตกลงของสหรัฐกับสหภาพยุโรป ซึ่งจะช่วยให้เรากลับมาสานความสัมพันธ์กับพันธมิตรทั่วโลกได้ ในขณะที่ต้องต่อสู้กับนโยบายการค้าที่ไม่เป็นธรรมของจีน”

ทั้งนี้ สหรัฐภายใต้รัฐบาลโจ ไบเดน และสหภาพยุโรปมุ่งขยายขอบเขตข้อตกลงไปสู่ทั่วโลก เพื่อจัดการกับปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินนอกตลาด และลงโทษประเทศที่ไม่ทำตามเป้าหมายคาร์บอนต่ำสำหรับอุตสาหกรรมเหล็กกล้าและอะลูมิเนียม อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นยังไม่ขอเข้าร่วมกระบวนการดังกล่าวในขณะนี้