องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ของสหรัฐอเมริกา เผยแพร่ข้อมูลล่าสุดที่ได้จากยานสำรวจดาวพฤหัสบดี (จูปีเตอร์) ที่กำลังโคจรอยู่โดยรอบดาวเคราะห์ในระบบสุริยะดวงนี้ และสามารถเปิดเผยปริศนาเกี่ยวกับพายุขนาดใหญ่ที่ถูกขนานนามว่า “จุดแดงใหญ่” ว่าไม่ได้เป็นพายุถาวรอย่างที่คิดและมีความลึกของตัวพายุมากกว่าความลึกของมหาสมุทรบนโลกระหว่าง 50-100 เท่าเลยทีเดียว
สก็อตต์ โบลตัน นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันวิจัยเซาธ์เวสต์ ในเมืองซานอันโตนิโอ สหรัฐอเมริกา ในฐานะหัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์ประจำภารกิจจูโน เปิดเผยว่า คำถามพื้นฐานของดาวพฤหัสบดีทั้งหลายล้วนเกี่ยวข้องกับ “เกรท เรดสปอต” หรือจุดแดงใหญ่ ว่าจริงๆแล้วมันคืออะไร รากของมันอยู่ตรงไหนลึกลงไปจากที่เห็นมากหรือไม่ จนอาจเรียกได้ว่ามันเป็นพายุที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของระบบสุริยะเลยก็ว่าได้
- ด่วน ! วอยซ์ ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
โบลตันรายงานผลการค้นพบของจูโนต่อที่ประชุมสหภาพธรณีฟิสิกส์อเมริกัน ที่นครนิวออร์ลีนส์ เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ข้อมูลที่ได้จากจูโนในการโคจรผ่านจุดแดงใหญ่เป็นครั้งแรก แสดงให้เห็นว่า ขนาดของพายุหมุนโด่งดังนี้กว้างราว 1.5 เท่าของระยะเส้นผ่านศูนย์กลางของโลก ในขณะที่รากของพายุแทรกตัวลึกลงไปในชั้นบรรยากาศของดาวพฤหัสบดีราว 300 กิโลเมตร ซึ่งหมายความว่า จุดแดงใหญ่มีความลึกมากกว่าความลึกจากพื้นผิวถึงพื้นมหาสมุทรบนโลกระหว่าง 50 ถึง 100 เท่าตัว
ศาสตราจารย์ แอนดี อิงเกอร์ซอลล์ นักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์ จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งแคลิฟอร์เนีย (แคลเท็ค) หนึ่งในทีมวิจัยประจำภารกิจจูโน การเคลื่อนตัวของกระแสอากาศรุนแรงบริเวณผิวนอกของชั้นบรรยากาศของดาวเกิดขึ้นจากความแตกต่างของอุณหภูมิ เหมือนกับที่ความต่างของอุณหภูมิ 2 สถานที่บนโลกก่อให้เกิดกระแสลมขึ้นนั่นเอง ในกรณีของดาวพฤหัสบดีแสดงให้เห็นว่า บริเวณฐานของจุดแดงใหญ่คงมีอุณหภูมิสูงกว่าด้านบนจึงก่อให้เกิดกระแสการไหลเวียนของอากาศดังกล่าว
จุดแดงใหญ่บนดาวพฤหัสบดี ถือเป็นพายุที่มีอายุยืนยาวมาก มันมีอายุอย่างน้อย 200 ปี และหากถือว่าข้อมูลในยุคแรกๆ ของการสำรวจด้วยกล้องโทรทรรศน์ภาคพื้นดินถูกต้องอายุของจุดแดงใหญ่ก็อาจยืนยาวมากถึง 350 ปี อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากจูโนแสดงให้เห็นว่ามันไม่ใช่พายุถาวรที่คงอยู่ตลอดกาลอย่างที่บางคนเชื่อ เนื่องจากขนาดของพายุที่จูโนวัดได้นั้นมีขนาดเล็กลงจากที่เคยมีการตรวจสอบก่อนหน้านี้