จับตา “ซาอุฯ” ยุคใหม่ ทุ่มงบฯขับเคลื่อน “วิชั่น 2030”

ในช่วง 1-2 ปีมานี้ได้เห็นความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของซาอุดีอาระเบียหลายระลอก ภายหลังจากราคาน้ำมันดิบโลกตกต่ำมากเป็นประวัติการณ์ ตามเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา ซึ่งส่งผลกระทบรุนแรงต่อรายได้ของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลกอย่างซาอุดีอาระเบีย จนมีนักวิเคราะห์ออกมาคาดหมายก่อนหน้านี้ว่าหากราคาน้ำมันยังไม่กระเตื้องขึ้นอาจทำให้ซาอุฯล้มละลายภายในปี ค.ศ. 2018 เนื่องจากที่ผ่านมาเศรษฐกิจของประเทศพึ่งรายได้จากน้ำมันสูงมาก

ด้วยตระหนักถึงวิกฤตดังกล่าว ซาอุฯจึงต้องรีบพลิกตัว เริ่มจากการประกาศ “วิชั่น 2030” ซึ่งเป็นแผนระยะยาวในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและอีกหลายด้าน ลดการพึ่งพาน้ำมัน สร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจ และนับจากนั้นมาซาอุฯก็อยู่ในเรดาร์ของโลกทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหว หากไม่นับข่าวการกวาดล้างคอร์รัปชั่นด้วยการจับกุมเจ้าชาย 11 พระองค์แล้ว ข่าวที่กษัตริย์ซาอุฯทรงอนุญาตให้ผู้หญิงขับรถจากที่เป็นเรื่องต้องห้าม ก็เรียกเสียงฮือฮาได้มาก เพราะเท่ากับเป็นเครื่องรับประกันว่า จากนี้ไปซาอุฯพร้อมจะเปลี่ยนแปลงและเปิดรับอะไรใหม่ ๆ

สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีคลังซาอุฯประกาศแผนงบประมาณรายจ่ายปี 2018 จะอยู่ที่ 9.78 แสนล้านริยัล (ประมาณ 2.61 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) มากที่สุดเท่าที่เคยจัดงบประมาณมา และเป็นการจัดงบประมาณแบบขาดดุล เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของมกุฎราชกุมาร

โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ที่ต้องการกระตุ้นและสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องตามแผน “วิชั่น 2030” พร้อมคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะเติบโตประมาณ 2.7%

เมื่อพิจารณาการจัดงบประมาณใช้จ่ายก้อนใหญ่แบบขาดดุล พร้อมคาดการณ์ว่าจะสามารถใช้งบประมาณสมดุลได้ใน 6 ปี บ่งชี้ว่าซาอุฯคาดหวังว่าในช่วงหลายปีข้างหน้าเศรษฐกิจจะเติบโตมากพอที่จะสร้างรายได้เข้ามา นอกจากนี้เป็นการกลับทิศกลยุทธ์เดิม เพราะในปี 2016 รัฐบาลถูกสั่งให้ลดงบประมาณลง 5% จนทำให้เศรษฐกิจกลางปีนี้ (2017) ติดลบ แต่เมื่อหันมาใช้งบประมาณขาดดุลเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลตัดสินใจหันมาลงทุนในอนาคตแทน

ในปีที่แล้วเศรษฐกิจนอกภาคน้ำมันของซาอุฯขยายตัว 1.5% และเป็นไปได้ว่าต่อไปจะเติบโตได้ถึง 3.7% อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าความท้าทายอยู่ที่ว่าการใช้งบประมาณจะมีคุณภาพแค่ไหน

การอนุญาตให้ผู้หญิงขับรถได้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการเพิ่มพลังอำนาจให้ผู้หญิงซาอุฯ และมีโอกาสเข้าสู่ตลาดแรงงานมากขึ้น ทั้งงานเดิมที่มีในตลาดอยู่แล้ว รวมทั้งตลาดใหม่ ๆ เช่น การขนส่ง บริการ ท่องเที่ยว บันเทิง และสันทนาการ อีกทั้งยังจะทำให้รถยนต์ขายดีขึ้น ธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ รวมทั้งธุรกิจประกันขยายตัว เป็นต้น

วิชั่น 2030 ของซาอุฯ อยู่บนเป้าหมายใหญ่ 3 ประการคือ สร้างสังคมที่มีชีวิตชีวาเปี่ยมพลัง เศรษฐกิจที่เติบโตดี และการเป็นชาติที่ทะเยอทะยาน ซึ่งทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้ก็โดยใช้พลังของทุกภาคส่วนในประเทศให้เกิดประโยชน์เต็มที่ ทั้งนี้ยังตั้งเป้าจะให้ภาคเอกชนมีสัดส่วนต่อจีดีพีเพิ่มขึ้นจาก 40 เป็น 65% เพิ่มสัดส่วนเอสเอ็มอีต่อจีดีพีจาก 20 เป็น 35% เพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้หญิงในตลาดจ้างงานจาก 22 เป็น 30%

การขยับตัวของประเทศขนาดใหญ่ในตะวันออกกลางอย่างซาอุดีอาระเบีย ถือว่าน่าจับตามอง เพราะอย่างน้อยก็เห็นอนาคตว่าเศรษฐกิจและรายได้ของประเทศจากนี้ไปน่าจะลดความเปราะบางลง เพราะได้กระจายความเสี่ยงเอาไว้แล้ว ไม่พึ่งน้ำมันอย่างเดียว ไม่ใส่ไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าใบเดียว

ที่ผ่านมา เมื่อราคาน้ำมันทรุดหนัก ส่งผลกระทบต่อคลังของชาติร่ำรวยในตะวันออกกลาง ผลคือลดการซื้อสินค้านอกประเทศ หรือออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศน้อยลง ทำให้หลายประเทศรวมทั้งเอเชียได้รับผลกระทบไปด้วย