สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เทสล่า (Tesla) บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐ ประกาศเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่าได้เลื่อนกำหนดเป้าหมายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเทสล่าโมเดล3 เป็นครั้งที่สอง ส่งผลให้นักลงทุนรู้สึกผิดหวัง แม้บริษัทจะอ้างว่า “ความก้าวหน้าคือสิ่งสำคัญ”
อีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสล่า กล่าวว่า น่าจะผลิตรถเทสล่าโมเดล3 จำนวน 2,500 คันต่อสัปดาห์ภายในสิ้นไตรมาสเเรก ซึ่งเป็นจำนวนเพียงครึ่งเดียวที่บริษัทระบุไว้ในตอนต้นว่าจะผลิตรถยนต์ดังกล่าวให้ได้ 5,000 คันต่อสัปดาห์ภายในสิ้นไตรมาส2
รถยนต์เทสล่าโมเดล3 ถือว่ามีความสำคัญต่อบริษัทในระยะยาว เนื่องจากเป็นรถยนต์ที่ราคาไม่เเพงมากนัก การสร้างรถยนต์ที่มีคุณภาพเเละส่งมอบให้กับลูกค้าจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะความล่าช้าจะเพิ่มความเสี่ยงให้กับบริษัท หากลูกค้ายกเลิกการจอง
นักวิเคราะห์จาก Evercore เเละนักวิเคราะห์ George Galliers กล่าวกับรอยเตอร์ว่า ความล่าช้าในการผลิต จะทำให้นักวิเคราะห์และนักลงทุนหันมาสนใจกับเงินสดในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
ในการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าโมเดล3 รุ่นใหม่เทสล่าส่งมอบเพียง 1,550 คันในไตรมาส 4 ลดลงจากความคาดหมายของวอลสตรีท ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะมีการส่งมอบรถถึง 4,100 ตามข้อมูลทางการเงินและบริษัทวิเคราะห์ FactSet
ในขณะที่นักวิเคราะห์จาก Evercore คาดการณ์ว่าจะมีการส่งมอบรถกว่า 5,800 คัน เเละนักวิเคราะห์จาก Cowen คาดว่าจะมีการส่งมอบประมาณ 2,250 คัน
ทั้งนี้บริษัทมียอดจำหน่ายรวม 29,870 คันในไตรมาสที่ 4 ได้แก่ รถยนต์รุ่น Model S จำนวน 15,200 คัน และรถยนต์รุ่น Model X จำนวน 13,120 คัน นักวิเคราะห์คาดว่ายอดส่งมอบรวมประมาณ 30,000 ราย
อย่างไรก็ตามเทสล่าเปิดเผยเบื้องต้นว่าสามารถผลิตรถยนต์ได้ถึง 5,000 คันต่อสัปดาห์ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เเต่พอเข้าเดือนพฤศจิกายนมีการเปลี่ยนเป้าหมายไปจนถึงสิ้นไตรมาสเเรกในปีนี้ เเม้บริษัทจะกล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาถึงการเพิ่มกำลังการผลิต เเต่ก็ยังเกิดความล่าช้า
“ในช่วง 7 วันทำการสุดท้ายของไตรมาส เราผลิตรถรุ่น Model 3s จำนวน 793 คัน และในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเราได้รับอัตราการผลิตในแต่ละสายการผลิตที่คาดการณ์ว่า Model 3s จะผลิตได้ถึง 1,000 คันต่อวัน” บริษัทประกาศ