บริษัทญี่ปุ่นจับมือยักษ์เวียดนาม สร้าง ‘สมาร์ทซิตี้’ ในโฮจิมินห์

หลายเมืองของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีจำนวนประชากรเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการอพยพเข้ามาเพื่อหารายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน เนื่องจากเมืองเป็นที่กระจุกตัวของทรัพยากรส่วนใหญ่ของประเทศ ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยและสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาที่ได้รับประโยชน์จากสถานการณ์ตึงเครียดทางเศรษฐกิจของโลกอย่าง “เวียดนาม”

นิกเคอิ เอเชียน รีวิว รายงานว่า “มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น” บริษัทการค้าที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น และ “โนมูระ เรียล เอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์” บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ประกาศร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาพื้นที่เมืองขนาดใหญ่ ในนครโฮจิมินห์ของเวียดนาม ร่วมกับ “วินโฮมส์” (Vin Homes) ในเครือวินกรุ๊ป (Vingroup) กลุ่มบริษัทเอกชนใหญ่ที่สุดของเวียดนาม

โดยทั้งสองบริษัทจะลงทุนรวม 100,000 ล้านเยน (ราว 908 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในการก่อสร้างอาคารสูง 21 แห่งในนครโฮจิมินห์ คาดว่าจะเพิ่มจำนวนที่พักอาศัยได้ราว 10,000 ยูนิต ภายในปี 2022 ซึ่งถือเป็นโครงการลงทุนอสังหาฯใหญ่ที่สุดของมิตซูบิชิ นอกประเทศญี่ปุ่น

ทั้งนี้ มิตซูบิชิและโนมูระจะลงทุนบริษัทละ 40% ของการก่อสร้างอาคารเหล่านั้น และอีก 20% จะเป็นการลงทุนของวินโฮมส์ โดยอาคารสูงทั้ง 21 แห่ง ถูกออกแบบมาให้สูงมากกว่า 30 ชั้น แต่ละอาคารจะมีห้องพักไม่ต่ำกว่า 500 ห้อง โดยราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ราว 118,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อห้อง จะเริ่มเปิดการขายในเดือน มี.ค.นี้

นอกจากนี้ ทั้งสองบริษัทยังจะมีส่วนร่วมในการลงทุนพัฒนาโฮจิมินห์ให้เป็นเมืองอัจฉริยะ หรือ “สมาร์ทซิตี้” ด้วยการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในระบบบริหารจัดการเมือง อย่างระบบจดจำใบหน้าและรถเมล์ไร้คนขับ

ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาพื้นที่ฝั่งตะวันตกของโฮจิมินห์ของวินโฮมส์ โดยตั้งเป้าจะสร้างพื้นที่พักอาศัยถึง 50,000 ยูนิต รวมถึงโรงพยาบาล โรงเรียน และศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ภายในปี 2023

เพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรเมืองของเวียดนาม โดยโฮจิมินห์ในปัจจุบันก็มีประชากรอาศัยอยู่เกือบ 9 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง 20% ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา

ขณะที่ก่อนหน้านี้ “ซอฟต์แบงก์ กรุ๊ป” บริษัทข้ามชาติของญี่ปุ่นก็ประกาศร่วมลงทุนในการสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่ของอินโดนีเซีย ให้เป็นสมาร์ทซิตี้เช่นกัน นับว่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และการพัฒนาเมืองให้เป็นสมาร์ทซิตี้ในกลุ่มประเทศอาเซียน กำลังเป็นที่สนใจของกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ ซึ่งมองเห็นโอกาสและศักยภาพในการเติบโตของภูมิภาคในอนาคต