ชายแดนใต้ : คาร์บอมบ์หน้าแฟลตตำรวจ จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่เสียชีวิตอย่างน้อย 1 นาย

เกิดเหตุระเบิดบริเวณแฟลตตำรวจ สภ.เมือง จ.นราธิวาส ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเป็นตำรวจอย่างน้อย 1 นาย บาดเจ็บอีกไม่ต่ำกว่า 16 คน

เพจ “นราธิวาส” ซึ่งเป็นเพจสำนักข่าวประจำภาคใต้ รายงานว่า เมื่อเวลา 12.45 น. ได้เกิดเหตุระเบิดบริเวณแฟลตตำรวจ สภ.เมืองนราธิวาส ถ.สุริยะประดิษฐ์ เทศบาลเมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส

พฤติการณ์การก่อเหตุ มีรายงานว่า ผู้ก่อเหตุอย่างน้อย 1 คน แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ นำรถยนต์กระบะประกอบระเบิด หรือ “คาร์บอมบ์” ไปจอดไว้บริเวณแฟลตตำรวจ จากนั้นจึงเกิดระเบิดขึ้น

คาร์บอมบ์ บริเวณแฟลตตำรวจใน จ.นราธิวาส

ที่มาของภาพ, เพจ “นราธิวาส”

หลังเกิดเหตุระเบิด ปรากฏภาพในเพจ “นราธิวาส” เจ้าหน้าที่เร่งเข้าพื้นที่เพื่อควบคุมเพลิง โดยมีรายงานผู้เสียชีวิตเป็นตำรวจ 1 นาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 31 คน

ไทยพีบีเอส รายงานว่า พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ว่า มีตำรวจบาดเจ็บ 10 นาย และเสียชีวิต 1 นาย

พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมคณะรีบบินด่วนลงพื้นที่ เพื่อติดตามสถานการณ์ด้วยตนเอง พร้อมสั่งการให้เร่งช่วยเหลือครอบครัวข้าราชการตำรวจ หรือ ประชาชน ที่ได้รับบาดเจ็บ จากเหตุการณ์ดังกล่าว รวมถึงเตรียมเรียกประชุมฝ่ายสืบสวนคลี่คลายคดี

คาร์บอมบ์หลังวิสามัญฯ ผู้ต้องหาคดีความมั่นคงใน จ.นราธิวาส

ช่วงวันที่ 19-20 พ.ย. เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ จ.นราธิวาส เปิดปฏิบัติการติดตามตัวผู้ก่อเหตุลอบวางระเบิดและยิงซ้ำชาวบ้านหาของป่า เมื่อวันที่ 13 พ.ย. โดยปฏิบัติการที่บริเวณเชิงเขาบ้านไอร์ราฆอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส

เกิดการยิงปะทะกันและมีผู้ต้องหาคดีความมั่นคงเสียชีวิต คือ นายฮาซัน อาแว โดยศูนย์ข่าวภาคใต้ สำนักข่าวอิศรา ระบุว่า นายฮาซัน เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดีลอบวางระเบิดในพื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อปี 2562

เจ้าหน้าที่ยังตรวจยึดอาวุธปืนสงคราม เครื่องกระสุน รวม 5 รายการ บริเวณที่เกิดเหตุ

ผบ.ตร. บินด่วนลงพื้นที่

ที่มาของภาพ, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่กรุงเทพฯ กำลังเตรียมการเข้าสู่ช่วงของการประชุมผู้นำเอเปคได้เกิดเหตุรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ อย่างน้อย 5 เหตุการณ์ ตั้งแต่ช่วงวันที่ 13 พ.ย. เป็นต้นมา ได้แก่

  • เหตุลอบยิงคนหาของป่าก่อนวางระเบิดซ้ำเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าตรวจสอบเหตุ เสียชีวิต 1 ราย ที่ อ.จะแนะ จ. นราธิวาส (13 พ.ย.)
  • เหตุเผาสถานีบริการน้ำมัน 2 แห่ง ใน อ.เมือง และ อ.ยะหริ่ง ของ จ.ปัตตานี  (15 พ.ย.)
  • เหตุเผาสายไฟฟ้าที่ อ.รามัน จ.ยะลา (15 พ.ย.)
  • เหตุระเบิดบริเวณสามแยก ทางเข้าโรงเรียนบ้านคาโตหมู่ 5 ต.ปะนาเระ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี (16 พ.ย.)
  • เหตุลอบขว้างระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ หวังโจมตีชุดคุ้มครองตำบลรือเสาะออก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต (16 พ.ย.)

เหตุรุนแรงต่อเนื่องเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2

เกี่ยวกับเหตุการณ์ต่อเนื่องเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักข่าวอิศรา รายงานความเห็นของ พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ว่า สิ่งที่เป็นความมุ่งหมายของกลุ่มผู้ก่อเหตุมาโดยตลอดคือการทำลายความเชื่อมั่นของรัฐบาล “ในช่วงนี้เป็นช่วงใกล้การประชุมเอเปค อาจจะมีส่วนที่เขาพยายามก่อเหตุเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ”

สำนักข่าวอิศรา ยังรายงานอ้างผู้ใกล้ชิดแกนนำกลุ่มขบวนการพูโลและบีอาร์เอ็น ว่าเหตุที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับการประชุมเอเปค

“เหตุที่เกิดขึ้นในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เกี่ยวข้องกับปาตานีเท่านั้น” และ “BRN ยืนยันว่าเป็นการตอบโต้จาก BRN สืบเนื่องจากการที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเอเปค” ผู้ใกล้ชิดกับแกนนำบีอาร์เอ็น และอยู่ในคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขฯกับรัฐบาลไทย ระบุเมื่อ 14 และ 16 พ.ย.

เหตุระเบิดในวันที่ 22 พ.ย.

ที่มาของภาพ, เพจ “ชายแดนใต้”

ดร.รุ่งรวี เฉลิมศรีภิญโญรัช นักวิชาการประจำสถาบันสันติศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ วิเคราะห์กับบีบีซีไทยเมื่อ 17 พ.ย. ว่าบีอาร์เอ็นมีนโยบายที่จะไม่ยอมรับหรือปฏิเสธการปฏิบัติการทางการทหารมาโดยตลอด ฉะนั้น ไม่สามารถตอบได้ชัดเจนว่าบีอาร์เอ็นเป็นผู้ก่อเหตุหรือไม่ได้อย่างชัดเจน

“แต่รูปแบบของการก่อเหตุ เช่น การบุกไปเผาปั๊มน้ำมัน  เผาตู้ชุมสายโทรศัพท์ เป็นรูปแบบการก่อเหตุที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของกลุ่มบีอาร์เอ็นคือการโจมตีเป้าหมายทางเศรษฐกิจที่พวกเขามองว่าเป็นฐานเศรษฐกิจของฝ่ายรัฐไทย”

ดร.รุ่งรวี กล่าวด้วยว่า จากรายงานข่าวที่ว่าคนก่อเหตุได้ตะโกนบอกให้คนออกไปจากปั๊มน้ำมันก่อนเกิดเหตุ มีความคล้ายคลึงกับเหตุการณ์วันที่ 16-17 ส.ค. ที่ผ่านมา

“บีอาร์เอ็นจะเน้นการส่งสัญญาณทางการเมืองมากกว่าการทำให้ผู้คนบาดเจ็บล้มตาย  เพราะการมีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บจำนวนมากจะส่งผลเสียต่อการเคลื่อนไหวทางการเมืองของบีอาร์เอ็นซึ่งต้องการสร้างพันธมิตรกับประชาคมนานาชาติ”

เมื่อถามว่าเกี่ยวกับเอเปคหรือไม่  ดร.รุ่งรวี  ชี้ว่ามีความเป็นไปได้ว่าการเลือกช่วงเวลาในการปฎิบัติการทางการทหารในครั้งนี้จะมีความสัมพันธ์กับการประชุมเอเปค เพราะจะเป็นช่วงเวลาที่ความสนใจของประชาคมโลกพุ่งมายังประเทศไทยมากเป็นพิเศษ  ซึ่งก็อาจจะส่งผลให้เกิดความสนใจในปัญหาในภาคใต้มากขึ้น

ส่วนประเด็นการเลือกตั้งมาเลเซีย ผู้เชี่ยวชาญเรื่องความขัดแย้งจังหวัดชายแดนใต้ กล่าวว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้อง การเปลี่ยนผู้ประสานงาน ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่ช่วงจังหวะเวลาการก่อเหตุไม่น่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

….

ข่าว BBCไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว