
เกลจิ เชอร์ปา ไกด์ปีนเขาชาวเนปาล กำลังพาลูกค้าชาวจีน หมายมั่นพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก พวกเขาใกล้ทำสำเร็จแล้ว ก่อนจะไปพบกับนักปีนเขาคนหนึ่ง กำลังนั่งตัวสั่นเทา กอดเชือกไว้แน่น
จุดที่ เกลจิ พบนักปีนเขาชาวมาเลเซียคนนี้ เรียกว่า “โซนแห่งความตาย” (Death Zone) เป็นจุดใกล้ยอดเขาเอเวอเรสต์ ซึ่งอุณหภูมิลดต่ำได้ถึงติดลบ 30 องศาเซลเซียส และออกซิเจนเบาบางอย่างมาก
- หวั่น EV ไทย…ซ้ำรอยจีน
- “ทรู-ดีแทค” ถล่มโปร “คืนค่าเครื่อง” ย้ำรวมกันได้มากกว่า
- ครม.เศรษฐา ออกกฎเหล็ก-วางแนวทางให้ข่าวสื่อมวลชน
นักปีนเขาชาวมาเลเซียผู้นี้ ไม่มีกระป๋องออกซิเจนเหลือ และกำลัง “ใกล้ตาย” เกลจิ ยอมรับว่า “ไม่มีใครช่วยเหลือเขา เขาไม่มีเพื่อน ไม่มีออกซิเจน ไม่มีเชอร์ปาอยู่ด้วย ไม่มีไกด์อยู่ด้วยเลย มันอันตรายมาก”
“ผมห่วงสุขภาพของเขามาก ๆ เขาอ่อนแอลงเรื่อย ๆ และใกล้ตาย” เกลจิ บอกกับบีบีซี
ส่วนนักปีนเขาและไกด์คนอื่น ๆ “จดจ่ออยู่กับยอดเขา” เกลจิ เล่า ก่อนอธิบายว่า บริเวณนั้นมักเป็นจุดอันตรายที่ร่างกายจะอ่อนแอลงได้อย่างรวดเร็ว และเป็นจุดที่นักปีนเขามักเสียชีวิต ก่อนจะพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้สำเร็จ
อันที่จริง ในฤดูปีนเขาปี 2023 มีคนเสียชีวิต 12 คน และสูญหายอีก 5 คน บนเขาเอเวอร์เรสต์ ตามข้อมูลของทางการเนปาล โดยทางการเองยอมรับว่า การช่วยเหลือคนจาก “โซนแห่งความตาย” แทบเป็นไปไม่ได้เลย

เกลจิ เชอร์ปา วัย 30 ปี กำลังพาลูกค้าชาวจีนพิชิตยอดเขาสูง 8,849 เมตร ตอนที่เขาตัดสินใจเกลี้ยกล่อมลูกค้า ให้ล้มเลิกเป้าหมายพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ และช่วยเหลือนักปีนเขามาเลเซียที่ใกล้ตายแทน
“เขาหมดสติ และพูดตอบโต้ไม่ได้” แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เกลจิ ล้มเลิกความตั้งใจช่วยนักปีนเขาผู้นี้
กระนั้น นั่นก็เป็นภารกิจที่แทบเป็นไปไม่ได้ รอยเตอร์รายงานว่า เกลจิต้องมัดตัวนักปีนเขา ผูกติดกับหลัง แล้วแบกเขาลงเขาไกล 600 เมตร ใช้เวลาถึง 6 ชั่วโมง ก่อนที่ไกด์ปีนเขาอีกคนจะมาช่วยเหลือ

“มันลำบากมากที่ต้องเดินลงเขา พร้อมแบกอะไรหนัก ๆ” เกลจิ เล่า และเนื่องจากนักปีนเขามาเลเซีย ไม่เหลือออกซิเจนแล้ว “ผมจึงให้ออกซิเจนเขาไป 4 กระป๋อง”
จากนั้น เชอร์ปาสองคน ก็สลับกันแบกนักปีนเขาชาวมาเลเซีย ที่ถูกห่อด้วยเสื่อ ระหว่างเดินลงเขามา บางจุดพวกเขาใช้วิธีลากนักปีนเขาไปกับพื้นหิมะ ก่อนที่เฮลิคอปเตอร์จะพาตัวเขากลับลงไปยังเบสแคมป์
ภารกิจช่วยเหลือนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 พ.ค. ซึ่งแม้เชอร์ปาผู้นี้จะเคยช่วยผู้ประสบภัยบนเขาเอเวอร์เรสต์มาแล้ว 55 ครั้ง แต่เขาบอกกับซีเอ็นเอ็นว่า “นี่เป็นครั้งที่ยากลำบากที่สุดในชีวิต” ขณะที่ทางการเนปาลระบุว่า นักปีนเขาชาวมาเลเซียที่รอดชีวิตมาได้หวุดหวิด ได้เดินทางกลับมาเลเซียไปแล้วหลังอาการดีขึ้น
“ผมจินตนาการว่า หากผมอยู่ในสภาพเดียวกับเขา ผมคงดีใจจนพูดไม่ออก ถ้ามีใครมาช่วยผม ให้รอดจากวิกฤตเช่นนี้” เกลจิ กล่าว
หมายเหตุ : ข่าว บีบีซีไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว