เปิดประวัติ “สมเกียรติ โอสถสภา” บุคลากรด้านเศรษฐศาสตร์หลังจากไปในวัย 75 พร้อมข้อความสุดท้ายถึงคนไทย “อย่าชักศึกเข้าบ้านเพียงเพื่อจะเอาชนะกันทางการเมือง“
10 เมษายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แวดวงนักวิชาการและบุคลากรด้านการศึกษาต่างแสดงความอาลัยต่อข่าวการจากไปของ “รศ.ดร.สมเกียรติ โอสถสภา” อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา สิริรวมอายุ 75 ปี
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
โดยจะมีพิธีบำเพ็ญกุศลศพ ณ ศาลา 13 วัดชลประทานรังสฤษฎิ์ พระอารามหลวง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี และจะมีพิธีประชุมเพลิง วันนี้ (10 เมษายน ) เวลา 14.00 น.
รศ.ดร.สมเกียรติ โอสถสภา หรือ อ.สมเกียรติ เกิดวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2591 เรียนหนังสือระดับมัธยม ที่สวนกุหลาบ และระดับปริญญาตรีที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ Oslo University, International Institute of Social Studies of Erasmus University
มีผู้ติดตามความเห็นทางวิชาการของ อ.สมเกียรติ ผ่านเฟซบุ๊กถึง 160,000 คน ซึ่งมีทั้งเรื่อง แนวคิดเรื่องการบริหารประเทศ และประชาธิปไตยยุค ใหม่ ยุคปัจจุบัน และเรื่องประวัติศาสตร์เศรษฐกิจในต่างประเทศ
รศ.ดร.สมเกียรติ โอสถสภา เคยให้ความเห็นและเขียนบทความด้านความมั่นคงและการค้าชายแดน การเมืองระหว่างประเทศ และการวิเคราะห์เกี่ยวกับภัยของบิทคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซี ทำให้นักวิชาการหลายคนต่างยกย่องและเชิดชู อ.สมเกียรติ ให้เป็นผู้มีคุณูปการต่อวงการการศึกษาและวงการเศรษฐศาสตร์ของไทย
ข้อความสุดท้ายถึงคนไทย
ล่าสุด เฟซบุ๊ก สมเกียรติ โอสถสภา ได้มีการโพสต์ข้อความหลังจากที่ อ.สมเกียรติ เสียชีวิต โดยระบุว่า “ถ้าลูกชายผมโพสต์ข้อความนี้ลงเฟซให้ ผมก็ได้จากโลกนี้ไปแล้วนะ
ผมโตมาในยุคที่ประเทศไทยจนมาก ล้าหลังหลาย ๆ ประเทศในย่านนี้ แต่ในวันที่ผมจากไป ประเทศไทยเป็นประเทศที่ทันสมัยและลงตัวที่สุดในหลาย ๆ ด้าน มีแต่คนอยากมาประเทศไทย ในช่วงชีวิตของผม เราผ่านพ้นวิกฤติสงคราม เศรษฐกิจ และการเมืองมาหลายครั้ง เราเอาตัวรอดมาได้จากทุกสถานการณ์ของโลก เฟซนี้ผมสร้างขึ้นมาเพื่อยับยั้งภัยสงครามกลางเมืองเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ตอนนั้นถ้าเราเอาตัวไม่รอด ประเทศไทยก็ไม่ต่างอะไรกับยูเครนตอนนี้
เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เราก็ผ่านพ้นจากการล้มล้างวัฒนธรรมมาได้ ตอนนี้ก็เห็นกันแล้ว ว่าประเทศที่พลาด ทำลายวัฒนธรรมตัวเองไป โหยหาตัวตนแค่ไหน โลกเปลี่ยนไปเยอะ และกำลังจะเปลี่ยนอีกครั้งใหญ่ ตีโจทย์กันดี ๆ นะ อย่าชักศึกเข้าบ้านเพียงเพื่อจะเอาชนะกันทางการเมือง ช่วยกันดูให้สงครามไม่มาลงย่านนี้ แถวนี้เราสนใจกันแต่หาเงินหาทองแล้ว
ส่วนเฟซนี้จะเปิดทิ้งไว้ ลูกชายผมคงมาเขียนเพิ่มให้บ้าง เขาช่วยผมทำเฟซนี้มาแต่แรก ขอให้ทุกคนอายุยืน ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนกันมานาน ว่าจะอยู่ให้นานกว่านี้อีกหน่อย แต่เมื่อถึงเวลาไปก็ต้องไป ชีวิตมันก็แค่นี้”