ประยุทธ์เตรียมของบฉุกเฉิน 1.1 หมื่นล้าน ช่วยค่าไฟ กกต.ใหม่ สำนักงบติงใช้เท่าที่จำเป็น

ประยุทธ์ เผย เตรียมส่งรายละเอียดของบกลางฉุกเฉิน 11,112 ล้านบาท ช่วยค่าไฟแพงอีกรอบ หลัง กกต. ตีกลับ

ประยุทธ์ เผย เตรียมส่งรายละเอียดของบกลางฉุกเฉิน 11,112 ล้านบาท ช่วยค่าไฟแพงอีกรอบ หลัง กกต. ตีกลับ สำนักงบติงขอเงินเท่าที่จำเป็น 

วันที่ 29 เมษายน 2566 ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้เพื่อหาเสียงและขึ้นเวทีปราศรัยในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ ถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตีกลับกรณีรัฐบาลขอให้พิจารณาการใช้งบกลาง เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 11,112 ล้านบาท ในการช่วยเหลือประชาชนเกี่ยวกับค่าไฟงวดเดือนพ.ค.-ส.ค. รวม 4 เดือน ว่า เดี๋ยวก็ทำไปใหม่ จะต้องมีรายละเอียด ว่าต้องใช้คำพูดอะไร ส่งไปให้กกต. ส่วนจะส่งได้เมื่อใด วันอังคารนี้ (2 พ.ค.) เดี๋ยวเขาก็ตอบมา

รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเอกสารที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบเมื่อวันที่ 25 เม.ย.ของกระทรวงพลังงานเสนอต่อกกต. ขออนุมัติงบกลาง เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือ จำเป็น วงเงิน 11,112 ล้านบาท  ได้รายงานสถานการณ์การใช้ไฟฟ้าของประชาชนประเภทบ้านอยู่อาศัยในช่วงฤดูร้อนปี 2566

ด้วยในช่วงฤดูร้อนของทุกปีเป็นช่วงที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยที่สูงและความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด โดยในปี 2566 ส่งผลกระทบต่อประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ กระทรวงพลังงานจึงรายงานสถานการณ์ อุณหภูมิโดยเฉลี่ยหลายภูมิภาคทั่วประเทศไทยสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ส่งผลให้เกิดความต้องการไฟฟ้าสูงสุดซึ่งทำลายสถิติติดต่อกันหลายวัน โดยเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2566 เวลา 14.56 น.เกิดความต้องการไฟฟ้าสูงสุดของระบบไฟฟ้าที่ 33,384.7 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยใช้ไฟฟ้าในอัตราสูงขึ้นมาก เพิ่มขึ้นกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565 ร้อยละ 6

แม้ว่าสถานการณ์ราคาพลังงานโลกเริ่มมีการปรับตัวลดลงจากช่วงปี 2565 แต่ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทที่อ่อนค่าลง ทำให้ราคาเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าโดยรวมยังคงสูงอยู่

“จากสภาพอากาศที่ร้อนจัด และสถานการณ์การใช้ไฟฟ้าในปัจจุบัน ทำให้ประชาชน ได้รับผลกระทบในเรื่องค่าไฟฟ้า ตามข่าวสารที่ถูกเผยแพร่ในสื่อมวลชน และสื่อสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง อย่างไรก็ตามสภาพการณ์ในปัจจุบันแตกต่างกับสถานการณ์ในช่วงเดือนมกราคม – เมษายน 2566 ที่ไม่ได้มีการยุบสภาอย่างเช่นในปัจจุบัน ซึ่งต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 169 ที่กำหนดให้ครม.ที่พ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 167 (2) และต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามมาตรา 168 ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามเงื่อนไข ดังต่อไปนี้”

1.ไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติงานหรือโครงการ หรือมีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อครม.ชุดต่อไป เว้นแต่ที่กำหนดไว้แล้วในงบประมาณรายจ่ายประจำปี

2.ไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากกกต.ก่อน

3.ไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐเพื่อกระทำการใดอันอาจมีผลต่อการเลือกตั้ง และไม่กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตามระเบียบที่กกต.กำหนด

“จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้นทำให้การอนุมัติมาตรการช่วยเหลือประชาชนไม่สามารถกระทำได้ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากกกต.ก่อน”เอกสารมติครม.ระบุ

ขณะที่สำนักงบประมาณได้ตอบความเห็นประกอบการพิจารณาของครม.ไปว่า “เห็นสมควรที่กระทรวงพลังงานจะต้องดำเนินการเท่าที่จำเป็น และสอดคล้องกับสถานการณ์ ตามแนวปฏิบัติและขั้นตอนการดำเนินการตามมาตรา 169 (3) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ต่อไป”

สำหรับมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าที่ครม.เห็นชอบประกอบด้วย 2 มาตรการ

1.ช่วยเหลือค่าไฟฟ้าแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน โดยให้ส่วนลดแบบขั้นบันไดแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยในพื้นที่ของการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวมทั้งผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยของการไฟฟ้าฝ่าผลิตแห่งประเทศไทย และผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่บริการของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ ทั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้ได้รับการช่วยเหลือรวมทั้งสิ้นประมาณ 18.36 ล้านราย ใช้งบประมาณรวมในกรอบไม่เกิน 7,602 ล้านบาท

2.มาตรการช่วยเหลือประชาชนระยะเร่งด่วน ให้ส่วนลดแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยในพื้นที่ของการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่บริการของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ จำนวน 150 บาทต่อราย โดยกำหนดให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม ในรอบบิลเดือนพฤษภาคม 2566 ซึ่งเป็นช่วงเดือนที่มีสถิติความต้องการไฟฟ้าสูงสุดของประเทศ ไม่เกิน  500 หน่วยต่อเดือน จำนวน 23.40 ล้านราย โดยใช้งบประมาณรวมในกรอบไม่เกิน 3,510 ล้านบาท

ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้ทำหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ นร 0505/ว(ล) 10900 ลงวันที่ 27 เมษายน 2566 เรื่อง รายงานสถานการณ์การใช้ไฟฟ้าของประชาชนประเภทบ้านอยู่อาศัยในช่วงฤดูร้อน 2566 ส่งไปถึงเลขาธิการกกต.

โดยมีการระบุว่า ภาระต้นทุนคงค้างของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ประมาณ 150,000 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการที่ กฟผ.ได้ช่วยสนับสนุนการตรึงอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (ค่าเอฟที) มาอย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นที่จะต้องทยอยจ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างดังกล่าวให้กับ กฟผ. เพื่อรักษาฐานะทางการเงินของ กฟผ.ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อไป ในขณะที่สัดส่วนของค่าความพร้อมจ่ายในอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติอยู่ที่ประมาณ 10 สตางค์เท่านั้น