บทบรรณาธิการ : ธนาคารลดดอกเบี้ยช่วยกลุ่มเปราะบาง

ลดดอกเบี้ย
บทบรรณาธิการ

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เชิญผู้บริหารธนาคาร 4 แห่ง ประกอบไปด้วย นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ น.ส.ขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารกสิกรไทย และนายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ เพื่อขอความร่วมมือในเรื่องของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยนายกรัฐมนตรีแจ้งถึงสภาพเศรษฐกิจและปัญหาเศรษฐกิจทั่วไป ขณะที่สถาบันการเงินก็มีความแข็งแกร่งจากผลประกอบการที่ออกมา

ดังนั้น นายกรัฐมนตรีจึงขอให้ผู้บริหารธนาคารทั้ง 4 แห่งพิจารณาดูแลเรื่องอัตราดอกเบี้ย เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง อันได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบการ SMEs และผู้ประกอบการรายย่อยที่กำลังมีปัญหาจากอัตราดอกเบี้ยที่คงอยู่ในระดับสูงอยู่ โดยการขอความร่วมมือครั้งนี้มีข้อน่าสังเกตว่า เป็นการขอให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งล่าสุดเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีมติ 5 ต่อ 2 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2.50 ต่อไป

ทั้งนี้ รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีได้ส่งสัญญาณมาถึงคณะกรรมการนโยบายการเงินมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อขอให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงินมีความเห็นว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่สูงขึ้นจากปีก่อน โดยได้รับแรงสนับสนุนต่อเนื่องจากการบริโภคภาคเอกชนและการท่องเที่ยว รวมทั้งมีแรงส่งจากการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐที่จะกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือ

ประกอบกับกรรมการเสียงข้างมากยกเหตุผลประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันยังสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ รวมทั้งเอื้อต่อการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว แต่มีฝั่งกรรมการเสียงข้างน้อย 2 ท่านกลับเห็นว่าควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เพื่อให้สอดคล้องกับศักยภาพเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่ำ และที่สำคัญจะมีส่วนช่วยบรรเทาภาระดอกเบี้ยของลูกหนี้ลงได้บ้าง

เป็นที่มาของการเชิญผู้บริหารธนาคารทั้ง 4 ท่าน เพื่อขอความร่วมมือในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง สอดคล้องกับกรรมการ กนง.เสียงข้างน้อยที่ขอให้ลดดอกเบี้ย 0.25% เพื่อบรรเทาภาระดอกเบี้ยของลูกหนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือกลุ่ม SMEs และผู้ประกอบการรายย่อย

Advertisment

ทำให้สมาคมธนาคารไทยเรียกประชุมสมาชิก และมีมติช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคลและกลุ่ม SMEs ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate : MRR) 0.25% เป็นเวลา 6 เดือน จึงนับเป็นความสำเร็จของรัฐบาลที่จะช่วยผ่อนคลายภาระดอกเบี้ยของกลุ่มเปราะบาง ด้วยการขอความร่วมมือจากธนาคารโดยตรง ไม่ต้องรอมติการพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยของ
คณะกรรมการนโยบายการเงินอีก