ดีอี เร่งเครื่อง 7 มาตรการ เดินหน้าปราบโจรออนไลน์ เฟส 2

ดีอี-โจรออนไลน์

“ดีอี” โชว์ผลงาน 30 วัน ปราบโจรออนไลน์ตามข้อสั่งการนายกฯ 6,624 คน พร้อมผนึกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินหน้าปราบโจรออนไลน์ เฟส 2 ผ่าน 7 มาตรการสำคัญ

วันที่ 9 พฤษภาคม 2567 รายงานข่าวจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกระทรวงดีอีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการปราบปรามและแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ ตามข้อสั่งการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี  ตั้งแต่วันที่ 1-30 เมษายน 2567 มีรายละเอียดดังนี้

1.การปราบปรามจับกุมอาชญากรรมออนไลน์

  • การจับกุมคดีออนไลน์รวมทุกประเภท มีจำนวน 6,624 คน เพิ่มขึ้น 2.7 เท่า เทียบกับการจับกุมเฉลี่ย 2,430 คนต่อเดือน ช่วงมกราคม-มีนาคม 2567
  • การจับกุมคดีเว็บพนันออนไลน์ มีจำนวน 3,667 คน เพิ่มขึ้น 3.1 เท่า เทียบกับการจับกุมเฉลี่ย 1,174 คนต่อเดือน ช่วงมกราคม-มีนาคม 2567
  • การจับกุมคดีบัญชีม้า-ซิมม้า มีจำนวน 361 คน เพิ่มขึ้น 1.9 เท่า เทียบกับ การจับกุมเฉลี่ย 187 คนต่อเดือน ช่วงมกราคม-มีนาคม 2567

2.การปิดโซเชียลมีเดีย เว็บผิดกฎหมาย และเว็บพนัน

  • ปิดโซเชียลมีเดียและเว็บ ผิดกฎหมายทุกประเภท จำนวน 16,158 รายการ เพิ่มขึ้น 18 เท่า จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • ปิดเว็บพนัน จำนวน 6,515 รายการ เพิ่มขึ้น 38.8 เท่า จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

3.การแก้ปัญหาบัญชีม้า เร่งอายัด ตัดตอนการโอนเงิน

  • ระงับบัญชีม้าแล้วกว่า 700,000 บัญชี แบ่งเป็นการระงับโดยธนาคาร 300,000 บัญชี, ระงับโดยศูนย์ AOC 101,375 บัญชี และระงับโดยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) 325,586 บัญชี
  • กำหนดมาตรการและเงื่อนไขการเปิดบัญชีใหม่ เพื่อป้องกันการนำไปกระทำความผิดโดยเพิ่มกระบวนการพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง Customer Due Diligence หรือ CDD โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยง

 

  • ธนาคารต้องตรวจสอบให้เคร่งครัดมากขึ้นก่อนอนุมัติเปิดบัญชี โดยจะเริ่มภายในเดือนพฤษภาคม 2567 ซึ่งปัจจุบันบางธนาคารได้มีการดำเนินการแล้ว

 

  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยระงับบัญชีต้องสงสัยทันที กรณีที่ธนาคารได้รับแจ้งข้อมูลจากศูนย์ AOC 1441 และผู้เสียหายได้ลงแจ้งความออนไลน์เรียบร้อยแล้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศูนย์ AOC จะช่วยการอายัดบัญชีโดยส่งเรื่องไป ปปง.

4.การแก้ไขปัญหาและกวาดล้างซิมม้า

  • ตร. และกระทรวงดีอี ระงับซิมม้า-ซิมต้องสงสัยแล้ว 800,000 หมายเลข
  • ระงับหมายเลขโทรออกเกิน 100 ครั้ง/วัน แล้ว 36,641 หมายเลข

 

Advertisment
  • สำนักงาน กสทช. ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการลงทะเบียนเพื่อยืนยันตัวตนสำหรับผู้ถือครองซิมการ์ดมากกว่า 100 ซิม โดยครบกำหนดการยืนยันตัวตนเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 มีผู้มายืนยันตัวตนแล้ว จำนวน 2.58 ล้านหมายเลข และยังไม่มายืนยันตัวตนอีกจำนวน 2.5 ล้านหมายเลข ซึ่งที่ไม่ได้มายืนยันตัวตนถูกระงับหมายเลขแล้ว 1.46 ล้านหมายเลข และอยู่ระหว่างดำเนินการระงับ 1.04 ล้านหมายเลข

 

  • เข้มงวดในการเปิดใช้ ซิมใหม่ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ การลงทะเบียนและยืนยันตัวตนของ กสทช. เพื่อป้องกัน การนำซิมไปใช้กระทำผิดกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาพบการเปิดใช้ซิมใหม่จำนวนมาก ๆ ตลอดจนมีการสวมรอยใช้พาสปอร์ตชาวต่างชาติ หรือขโมยบัตรประชาชนคนไทย มาเปิดซิมจำนวนมาก

5.การดำเนินการเรื่องเสาโทรคมนาคม สายสัญญาณอินเทอร์เน็ต และสายโทรศัพท์ที่ผิดกฎหมายตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน

  • สำนักงาน กสทช. ร่วมกับกระทรวงกลาโหม และ ตร. เร่งดำเนินการกวาดล้างและจับกุมผู้กระทำความผิดในการใช้เสาและสายสัญญาณสื่อสารที่ผิดกฎหมายตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน
  • AOC ตร. และ กสทช. ระหว่างจัดอบรมกำลังพลของกองทัพให้สามารถตรวจสอบ เสาและสายสัญญาณสื่อสารผิดกฎหมายตามแนวชายแดน

 

  • ปฏิบัติการตัดวงจรซิม-สาย-เสา สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยจับกุมครั้งสำคัญ เมษายน 2567 เช่น เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 ดำเนินการจับกุมการลักลอบเดินสายอินเทอร์เน็ตผ่านชายแดนไปประเทศกัมพูชา ในพื้นที่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เป็นต้น

6.การร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทยเฝ้าระวังช่างต่างชาติที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายผิดกฎหมาย

  • กระทรวงมหาดไทยร่วมกับ ตร. ดีอี และหน่วยงานเกี่ยวข้อง สนับสนุนการเฝ้าระวัง จับกุม และปราบปรามชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทยที่มีพฤติกรรมผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการชักชวน หลอกลวงคนไทยเพื่อพาไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยให้ความสำคัญกับจังหวัดที่มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน

7.การประสานความร่วมมือระหว่างประเทศในการปราบปรามจับกุม

  • กระทรวงการต่างประเทศให้การสนับสนุนการประสานงานในการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน ในประเด็นการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เว็บพนันออนไลน์ รวมถึงประเด็นปัญหาอาชญากรรมออนไลน์อื่น ๆ และ ตร. โดยเฉพาะ ตม. เคร่งครัดการตรวจสอบบุคคลเข้า-ออก และการเข้า-ออกผ่านช่องทางธรรมชาติ เพื่อลดปัญหาการเดินทางไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงการขนเงินออกนอกประเทศ โดยมีแผนประชุมหารือกับ สปป.ลาว และกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน

8.การกำกับดูแลแก้ไขปัญหาการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ผิดกฎหมาย

  • สำนักงาน ก.ล.ต. ส่งข้อมูลผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ได้รับอนุญาตให้กระทรวงดีอี ดำเนินการปิดกั้นช่องทางการเข้าถึงแพลตฟอร์มของผู้ให้บริการดังกล่าว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมาย รวมทั้งเป็นการป้องกันมิให้มิจฉาชีพใช้เป็นช่องทางในการนำทรัพย์สินจากการกระทำผิดไปฟอกเงิน อันเป็นการแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์

9.การบูรณาการข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

  • ให้ศูนย์ AOC 1441 เป็นแพลตฟอร์มรับและแลกเปลี่ยนข้อมูลบูรณาการข้อมูล หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงาน กสทช. ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงาน ปปง. กรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยทำงานแบบอัตโนมัติ (Automation) และใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อใช้ในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีต่อไป

10.มาตรการด้านกฎหมาย

  • สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เร่งจัดทำประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจการให้บริการขนส่งสินค้าที่ขายผ่านช่องทางออนไลน์โดยเรียกเก็บเงินปลายทางเป็นธุรกิจที่ควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน พ.ศ. … เพื่อแก้ปัญหา บริการเก็บเงินปลายทางสำหรับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Cash on Delivery) ช่วยขจัดปัญหาการหลอกซื้อขายสินค้าออนไลน์ที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก คาดว่าประกาศดังกล่าว จะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2567 และจะช่วยลดจำนวนคดีหลอกลวงซื้อขายออนไลน์ได้อย่างมีนัยสำคัญ

 

  • อื่น ๆ เช่น การแก้ปัญหาซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคลอย่างผิดกฎหมาย การเร่งคืนเงินให้ผู้เสียหาย และ การแก้ปัญหาคนร้ายโอนเงินโดยใช้สินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะที่เป็นแพลตฟอร์มต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย

ทั้งนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ทางเทคโนโลยีจะร่วมกันทำงานเพื่อแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่องในระยะต่อไปผ่าน 7 มาตรการสำคัญ ได้แก่

Advertisment

1. การปราบปรามจับกุมอาชญากรรมออนไลน์ทั้งในและต่างประเทศ โดยหน่วยงานด้านการปราบปราม อาทิ ตร. ดีเอสไอ จะเร่งปูพรมจับกุมอาชญากรรมออนไลน์ทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

2. การป้องกันปราบปรามบัญชีม้า ซิมม้า และจับกุมผู้เกี่ยวข้อง โดยการบูรณาการข้อมูลบัญชีต้องสงสัยร่วมกันระหว่าง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย พร้อมกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรการการเปิดบัญชีใหม่ โดยกระบวนการพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง Customer Due Diligence หรือ CDD และเป้าหมายการปิดบัญชีม้าไม่ต่ำกว่า 100,000 บัญชีต่อเดือน

3. การแก้ปัญหาหลอกลวงซื้อขายสินค้าออนไลน์ โดยเฉพาะบริการเก็บเงินปลายทาง (Cash on Delivery) หรือ COD โดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) จะเร่งจัดทำประกาศควบคุมฯ ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาการหลอกซื้อขายสินค้าออนไลน์ที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก

4. การเร่งรัดคืนเงินและเยียวยาผู้เสียหาย ได้มอบหมายให้ศูนย์ AOC 1441 เป็นแพลตฟอร์มรับและแลกเปลี่ยนข้อมูลและบูรณาการข้อมูลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อช่วยลดเวลาและเพิ่มความแม่นยำในการติดตามเส้นทางการเงินเพื่อการจับกุมและคืนเงินให้กับผู้เสียหาย

5. การเพิ่มความรับผิดชอบผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ ผู้ให้บริการโทรคมนาคม และผู้ให้บริการทางการเงิน

6. การรณรงค์ประชาสัมพันธ์และสร้างภูมิคุ้มกันอาชญากรรมออนไลน์ แบบเจาะจงเรื่องการหลอกลวงลงทุน การหลอกหารายได้ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์

7. การเร่งรัดปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ในประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1.การเร่งคืนเงินให้กับผู้เสียหาย 2.การเพิ่มโทษการซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล และ 3.การป้องกันการโอนเงินแบบผิดกฎหมายของคนร้ายโดยการใช้สินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะที่เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลในต่างประเทศที่ผิดกฏหมาย

นอกจากนี้ รายงานยังระบุด้วยว่า สถิติการรับแจ้งความคดีออนไลน์ในเดือนเมษายน 2567 เฉลี่ย 992 คดี/วัน ซึ่งสูงกว่าการแจ้งความในเดือนมีนาคม 2567 ที่มีการแจ้งความเฉลี่ย 855 คดี/วัน ในด้านมูลค่าความเสียหายของคดีอาชญากรรมออนไลน์รวมทุกประเภท พบว่า เดือนเมษายน 2567 มีมูลค่าความเสียหายเฉลี่ย 110 ล้านบาท/วัน ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายลดลงจากเดือนมีนาคม 2567 ที่มีมูลค่าความเสียหายเฉลี่ย 149 ล้านบาท/วัน

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าวว่า ในภาพรวมของการดำเนินงานอย่างบูรณาการ เร่งรัดจับกุมคนร้าย กวาดล้างบัญชีม้าและซิมม้า เร่งการอายัดบัญชีธนาคาร ตัดเส้นทางการเงิน การปิดกั้นโซเชียลมีเดียหลอกลวงผิดกฎหมาย และเว็บพนันออนไลน์ มีผลงานชัดเจนเป็นตัวเลขที่สูงขึ้นมากในเดือนเมษายน

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ขอให้เร่งการปราบปรามจับกุมคนร้าย กวาดล้างบัญชีม้า ซิมม้า ปิดกั้นโซเชียลมีเดียหลอกลวงต่อเนื่อง แก้ปัญหาหลอกลวงซื้อขายออนไลน์ เพื่อให้จำนวนผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายจากคดีออนไลน์ลดลงโดยเร็ว ช่วยลดความเดือดร้อนของประชาชน