“เงินติดล้อ” ผู้นำสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ส่งหุ้น TIDLOR เข้าเทรดวันแรกจันทร์ที่ 10 พ.ค.64 เปิดรายย่อยจองซื้อออนไลน์ 22-26 เม.ย. ขั้นต่ำ 1,000 หุ้น จำนวนเงิน 36,500 บาทที่ราคาสูงสุด 36.50 บาท คาดเคาะราคาขายสุดท้
นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ ประธานสายตลาดทุนกลุ่มธุรกิ จการเงินเกียรตินาคินภัทร ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้ จัดจำหน่ายและรับประกันการจั ดจำหน่ายหลักของ บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) เปิดเผยว่า แผนการเสนอขายหุ้นไอพีโอครั้งนี้ คาดว่าจะเปิดซื้อขายวันแรกช่ วงวันจันทร์ที่ 10 พ.ค.64 โดยจำนวนหุ้นรวมไม่เกิน 1,043.54 ล้านหุ้น (รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน 136.11 ล้านหุ้น) จะแบ่งเป็นการขายหุ้นให้นักลงทุ นสถาบันที่เป็น Cornerstone Investors จำนวน 626 ล้านหุ้น คิดเป็น 69% ผู้ลงทุนสถาบัน 95.90 ล้านหุ้น คิดเป็น 10.6% ผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ 13.61 ล้านหุ้น คิดเป็น 1.5%
บุคคลที่มีความสัมพันธ์ของบริษั ทฯ 13 ล้านหุ้น คิดเป็น 1.4% พนักงานบริษัทฯ 33.37 ล้านหุ้น คิดเป็น 3.7% บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จั ดสรรจำหน่ายหลักทรัพย์ 79.03 ล้านหุ้น คิดเป็น 8.7% และผู้จองซื้อรายย่อย 46.50 ล้านหุ้น คิดเป็น 5.1%
ทั้งนี้รายย่อยจองซื้อหุ้นระหว่ างวันที่ 22-26 เม.ย.64 ผ่านทางช่องทางออนไลน์ ของธนาคารกรุงศรีฯ ผ่านแอปพลิเคชั่น KMA, ธนาคารกสิกรไทยผ่านทางเว็บไซต์ kmyinvest และบริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีฯ
โดยกำหนดช่วงราคาเสนอขายหุ้นเบื้ องต้นที่ 34.00-36.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าเสนอขายรวมไม่เกิน 35,480-38,089 ล้านบาท มูลค่ามาร์เก็ตแคปราว 78,845-84,643 ล้านบาท โดยจะใช้วิธีสรรหุ้นแบบ Small Lot First กำหนดจำนวนจองซื้อหุ้นขั้นต่ำที่ 1,000 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 36,500 บาทที่ราคาเสนอขายสูงสุด และทวีคูณ 100 หุ้นจนกว่าหุ้นจะหมด คาดว่าจะประกาศราคาขายสุดท้ ายและรายชื่อผลการจัดสรรผู้ จองซื้อรายย่อยได้วันที่ 28 เม.ย.ก่อนเวลา 09.00 น.
ทั้งนี้ภายหลังไอพีโอผู้ถือหุ้ นใหญ่ 1.ธนาคารกรุงศรีฯ จะเหลือสัดส่วนหุ้นถือครอง 30% และ Siam Credit Access เหลือ 25% โดยเงินติดล้อจะมีสภาพคล่อง( Free Float) หลังไอพีโอมากถึง 45% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วทั้งหมด
“ประมาณช่วงวันที่ 27 เม.ย.จะประเมินสัดส่วนหุ้นเพิ่ มเติม หากมีความต้องการล้น มีโอกาสจะจัดสรรให้รายย่อยเพิ่ มได้ ทั้งนี้กรีนชูจะเริ่มรักษาระดั บราคาหุ้นตั้งแต่วันแรกไอพีโอ หากราคาลงต่ำกว่าราคาจองซื้ อไอพีโอ ซึ่งไม่ได้กังวลแม้ว่าอยู่ในช่ วงภาวะตลาดผันผวน” นายอนุวัฒน์กล่าว
นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ TIDLOR กล่าวว่า ธุรกิจเงินติดล้อประกอบด้วยธุ รกิจสินเชื่อและนายหน้าประกันภั ย โดยในปี 63 มีรายได้รวม 10,558 ล้านบาท มีกำไร 2,416 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 36% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และมีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถื อหุ้นเฉลี่ย 22.9% พอร์ตหลักมาจากธุรกิจสินเชื่อสั ดส่วนถึง 82.7% และที่เหลือ 8% มาจากธุรกิจนายหน้าประกันภัย
โดยมีสินเชื่อคงค้างรวม 51,300 ล้านบาท เติบโต 7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งอาจโตน้อยกว่าปีก่อนๆ เนื่องจากช่วงไตรมาส 2/63 ยอดสินเชื่อหดตัวลง เพราะบริษัทใช้เวลาในการช่ วยเหลือลูกค้าที่ได้รั บผลกระทบโควิดไปกว่า 1 แสนราย โดยการยกเว้นดอกเบี้ยคงค้าง ค่าธรรมเนียม และภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่จ่ายแทนลูกค้าเป็นจำนวนเงิน 400-500 ล้านบาท
ส่วนธุรกิจนายหน้าประกันภัยที่ เริ่มทำธุรกิจมาได้ 3 ปี มีเบี้ยประกันภัยรับ 4 พันล้านบาท เติบโต 40% ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา มีรายได้ค่านายหน้าประมาณ 800 ล้านบาท เติบโต 24% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
โดยการบริหารความเสี่ยงในปัจจุ บัน บริษัทมีอัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่ อให้เกิดรายได้(NPL) อยู่ที่ระดับ 2.3% ขยับเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ ที่ 1.7% แต่เมื่อเทียบคู่แข่งยังอยู่ ในระดับต่ำ และอัตราค่าใช้จ่ายด้านเครดิต 2 ปีที่ผ่านมายังอยู่ที่ 1.2% รวมไปถึงอัตราเงินสำรองต่อหนี้ เสียสูงกว่า 325% ซึ่งสูงที่สุดในอุตสาหกรรมฯ
โดยกลยุทธ์ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้านี้ จะเติบโตจากภายใน(Organic) 3 ส่วนหลักคือ 1.คงความเป็นผู้นำในการให้สิ นเชื่อจำนนำทะเบียนรถผ่ านการขยายสาขาอีก 500 สาขา 2.เร่งสร้างนวัตกรรมการบริ หารความเสี่ยงด้วยเทคโนโลยี เช่น บัตรติดล้อที่ทำไปแล้วเมื่อปีก่ อน การทำดิจิทัลทรานฟอร์มเมชั่น ซึ่งจะช่วยให้ค่าต้นทุนการให้ บริการลูกค้าเริ่มลดลงต่อเนื่ องในระยะยาว
3.การสร้างความแข็งแกร่ งของแพลตฟอร์มนายหน้าประกันวิ นาศภัย ซึ่งเห็นช่องว่างที่ตลาดใหญ่มาก จึงเปิดโอกาสให้โบรกเกอร์รายย่ อยสามารถเข้าสู่แพลตฟอร์มบริษั ทได้เพื่อสร้างความยั่งยืนธุรกิ จรายเล็กๆ ต่อไปได้
นอกจากนี้ยังมีการเติ บโตจากภายนอก(In-organic) หรือการเติบโตแบบทางลัด ผ่านควบรวมหรือเข้าซื้อกิจการ โดยเงินติดล้อเป็นธุรกิจปลายน้ำ ติดต่อกับลูกค้าโดยตรง แต่มีความเชี่ยวชาญในการบริ หารหนี้รายย่อย การเข้าสู่ธุรกิจขั้นกลางและต้ นน้ำจะสร้างความยั่งยืนให้กั บบริษัทในระยะยาว รวมไปถึงการแสวงหาพาร์ตเนอร์ทั้ งในและอาเซียนด้วย โดยวิธีการมองจะชอบประเทศที่มี ประชากรมาก อายุเฉลี่ยน้อย มีการเติบโตเศรษฐกิจที่แข็งแรง และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ยั งต่ำ
“เราค่อนข้างแตกต่างจากคู่แข่ง 3 ส่วนคือ 1.วิธีการทำธุรกิจ ใช้กลยุทธ์ Omni-channel ไม่พึ่งพาสาขาอย่างเดียว มีพาร์ตเนอร์อีกหลายพันจุดบริ การทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางดิจิทัล 2.วิธีการบริหารจัดการองค์กร และ 3.โครงสร้างธุรกิจ ที่มีธุรกิจนายหน้าประกัน ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ที่มากขึ้ น” นายปิยะศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ตั้งเป้าการเติบโต 3 ปีข้างหน้าคาดการณ์สำหรับธุรกิ จสินเชื่อจะมีอัตราการเติบโตอยู่ ในช่วง 15-20% เหตุผลเกิดจากผู้ ประกอบการรายเล็กจะค่อยๆ หายตัวไป เนื่องจากกฎระเบียบทางภาครั ฐออกมาซึ่งจะทำให้ผู้ ประกอบการที่มีเงินทุนแข็งแกร่ งจะเข้าไปบริการลูกค้าได้ดีกว่า
ส่วนธุรกิจนายหน้าประกันภัย จะมีการเติบโตขั้นต่ำ 40% ไปอีก 2-3 ปี เพราะเป็นตลาดที่ใหญ่มาก และไม่มีผู้เล่นที่ควบคุ มตลาดมาก จึงเป็นช่องทางที่แทรกตัวเข้ าไปได้
นายปิยะศักดิ์ กล่าวถึงสถานการณ์โควิดรอบนี้ว่ า ถ้าประเมินตอนนี้อาจจะยังพูดยาก ซึ่งต้องดูนโยบายรัฐบาลว่าจะล็ อกดาวน์หรือไม่ เพราะจะมีผลกระทบมากน้อยแตกต่ างกัน แต่เชื่อมั่นว่าการระบาดโควิ ดรอบนี้จะไม่กระทบหนักเท่ากั บรอบแรก เพราะปัจจุบันบริษัทก็ค่อนข้ างมีความพร้อมด้านเงินทุน ซึ่งปัจจุบันมีเหลืออยู่กว่าหมื่ นล้าน หรือสำรองหนี้เสียที่อยู่ ในเกณฑ์สูง แต่ในอนาคตจะมีการลดการตั้ งสำรองลง