ผู้ว่าฯ หมูป่า ชิงผู้ว่าฯ กทม. ผู้มีบารมี ยังไม่ปิดดีล

คอลัมน์สามัญสำนึก
อิศรินทร์ หนูเมือง

ยังไม่ปิดดีล! เพราะคุณสมบัติ-รูปสมบัติ และชั้นเชิงการบริหารสถานการณ์ พลิกวิกฤต จนเป็นโอกาสให้ประเทศไทย ได้รับการยอมรับในความเป็น “จิตอาสา” จากทั่วโลก

ทำให้ “นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร” อดีตผู้ว่าเชียงราย ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน (ศอร.) หรือชื่อที่คนไทยเรียกกันว่า “ผู้ว่าฯหมูป่า” กลายเป็น “ซูเปอร์สตาร์” ในแคนดิเดต “ผู้ว่าฯ กทม.”

“ภารกิจจะสำเร็จไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม…” นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา กล่าวในวาระที่ภารกิจค้นหา 13 นักเรียนอดีตนักฟุตบอลเยาวชน และผู้ฝึกซ้อม ทีมหมูป่าอะคาเดมี สิ้นสุดลงด้วยความสำเร็จ

ในเวลาใกล้เคียงกันนั้น ครอบครัว “โอสถธนากร” น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

เมื่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงมีพระราชหัตถเลขา ถึงนายณรงค์ศักดิ์ ในฐานะ ผบ.ศอร. ความว่า “ได้ติดตามการปฏิบัติแล้ว น่าชื่นชมที่ได้เห็นข้าราชการผู้ใหญ่ ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง อดทน และมุ่งมั่นในภารกิจเฉพาะหน้า ที่ยากและท้าทาย

…แสดงถึงความมีสติปัญญา และมีการตัดสินใจที่ดี และวิสัยทัศน์ที่ถูกต้อง และเป็นศูนย์กลางแห่งการประสานการปฏิบัติจนภารกิจลุล่วงด้วยดี และได้ทราบว่าเป็นข้าราชการที่มีคุณภาพ กล้าต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

…และในเวลาเดียวกันก็มุ่งมั่นที่สร้างความดีและความถูกต้องให้เกิดขึ้นแก่ประเทศชาติ ขอชมเชยและให้กำลังใจ ขอให้รักษาความดีไว้ และขอให้มีความสุขความเจริญ”

ประสาน โอสถธนากร พ่อของ “ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์” เจ้าของร้านขายยา “ประสานเภสัช” ย่านลาดพร้าว มากว่า 50 ปี เคยบอกวิธีการเลี้ยงลูกไว้ว่า “ผมเลี้ยงลูกแบบทหาร เลี้ยงลูกให้มีวินัย เลี้ยงลูกให้เป็นคนดี”

“ผมดุลูกมาก และให้ลูกมีระเบียบวินัย เพราะผมเคยเป็นทหารมาก่อน”

“ผมเป็นทหารเสนารักษ์ ที่ค่ายจักรพงษ์ จังหวัดปราจีนบุรี ก่อนจะไปเป็นทหารผมเกเรมาก เล่นพนัน กินเหล้า สูบบุหรี่ ไม่มีอะไรดีสักอย่าง ผมไปเป็นทหารแล้วได้เรียนทางเสนารักษ์ เลยเป็นเสนารักษ์”

“ผมลาออกมาจากทหาร แต่ได้อะไรจากการเป็นทหารเยอะมาก และผมเอาวิธีการฝึกทหารมาใช้เลี้ยงลูกทุกคน”

“ผมสอนลูกว่า จะถูกย้ายไปที่ไหนก็ได้ ลูกเป็นข้าราชการ ไม่ได้ลงทุนอะไรแบบคนอื่นที่เขาวิ่งเต้นเรื่องตำแหน่งด้วยเงินกันเป็นล้านๆ ผมบอกลูกว่ามีเงินก็อย่าทำเช่นนั้น”

“ไปที่ไหนก็ได้ ขอให้ได้ทำงานเพื่อส่วนรวม ได้ตำแหน่งมาเท่านี้ก็ดีมากแล้ว ถือว่าดีกว่าคนอื่นตรงที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย…ห้ามรับเงินใครทั้งนั้น แม้กระทั่งลูกน้องหรือข้าราชการด้วยกัน ให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง”

นี่คือคำสอนพ่อทหาร-ถึงลูกผู้ว่าฯ ที่ “ดร.อานนท์ ศักด์วรวิชญ์” อาจารย์จากนิด้า เคยบันทึกไว้
ชีวิตราชการ ของ “ผู้ว่าฯหมูป่า” กำลังสิ้นสุดลง

แต่จู่ ๆ ชื่อก็ถูกชูขึ้นมา ทั้งหวังโชว์-หวังเชือด เป็น 1 ในผู้ท้าชิงเสาชิงช้า ขึ้นแท่นผู้ว่าฯ กทม. ในเสื้อพรรคพลังประชารัฐ

สายเชียร์-สายตรงจากทำเนียบ กะเก็บชื่อไว้เปิดหลังชีวิตเกษียณ แต่สายเชือด-ชิงตบ ปิดฉากชื่อ “ผู้ว่าหมูป่า” แล้วเปิดชื่อ “สกลธี ภัทธิยกุล” สายแข็งจากกลุ่ม กปปส. ขึ้นมาแทน

ผู้ถือดุลอำนาจในพลังประชารัฐ อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต่างพากันปิดปาก-ไม่ยืนยัน และไม่ปฏิเสธ ชื่อ “ผู้ว่าฯหมูป่า” ขึ้นทำเนียบ “ผู้ว่ากทม.”

“…ขอไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ ทั้งสิ้น” คือคำตอบจาก “ผู้ว่าฯหมูป่า”

จนถึงขณะนี้ แกนนำตัวจริงในพรรคพลังประชารัฐ ยืนยัน ยังไม่ปิดดีล “ผู้ว่าฯหมูป่าชิงผู้ว่าฯกทม.”

“ผู้ว่าหมูฯป่า” ลูกทหาร-เลือดข้าราชการ จะสู้นักธุรกิจการเมือง ที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี คนกทม.ต้องเลือก!!!