ชัยชนะอยู่ที่ใจ มองไปข้างหน้า

cah,4kr

คอลัมน์ สามัญสำนึก

โดย สมถวิล ลีลาสุวัฒน์

วันก่อนหยุดเดินทางทุกโหมด ยกเว้นความคิดแล้วสวมบท “จิตอาสา” กวาดล้างถนนในซอยแยกแถวบ้านย่านฝั่งธนฯอย่างเมามันส์

กวาดไป บ่นไป เพราะโมโหคนไทย (บางส่วน) ทิ้งขยะไม่ลงถัง

ส่วนตัวเชื่อว่า ทุกเชื้อโรคแพ้ภัยความสะอาด และแพ้ความตั้งใจจริงของมนุษย์

สิ่งที่ต้องรีบทำ คือ เร่งจัดระเบียบ “สิ่งแวดล้อม” ใกล้ตัวซะเร็ว ๆไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อคนรอบข้างเกินกว่า 2 เมตร

ยามชีวิตจำศีล ทุกสิ่งหยุดหมด ยกเว้น “ลมหายใจ” ทำให้นึกถึงคำสอนของพระพุทธทาสภิกขุ

“ชีวิตที่ดีที่สุด คือ สงบ เย็น และเป็นประโยชน์”

ช่างเหมาะเหม็งกับภาวะโรคร้อนอย่างโควิด-19 มาก ๆ

เริ่มจากใจที่ต้องสงบ เย็น ไม่ร้อนรนไปตามความรุนแรงของโรค เพื่อเรียก “สติ” หาทางรับมืออย่างถูกวิธี

เราถึงต้องให้กำลังใจกันและกัน โดยเฉพาะผู้ป่วยติดเชื้อ และบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเป็นผู้ดูแลรักษา เสียสละ จนบางท่านกลายเป็นผู้ติดเชื้อเสียเอง เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงสุด น่าเห็นใจมาก

จังหวะนี้เอง คำว่า CSR จึงกระหึ่มขึ้น เป็นซีเอสอาร์แท้ ๆ ไม่แอบแฝง

น้ำใจทั่วสารทิศกำลังหลั่งไหล เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับส่วนรวม หรือสังคมนั่นเอง

นอกจากข่าวสถิติของโรคโควิด-19 ทั่วไทยและทั่วโลก อีกมุมหนึ่งเราจะเห็น “น้ำใจ” ไหลผ่านน้ำดื่ม อาหาร หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ แอลกอฮอล์ วางแจกให้ประชาชนผู้ไม่มี หรือผู้ที่ขาดรายได้ ยามโลกหยุดหมุน

หลายส่วนบริจาคให้องค์กร สถาบัน โรงพยาบาลที่ต้องใช้เวชภัณฑ์มหาศาลในแต่ละวัน

ที่เห็นชัดมีบางองค์กรธุรกิจเริ่มแล้ว และควรทำต่อเนื่องวินาทีนี้ยังไม่ขอเอ่ยชื่อ แต่ขอชื่นชม ส่วนจะลดงบฯหรือดึงงบฯส่วนอื่นที่ยังไม่จำเป็นมาทุ่มกับซีเอสอาร์สู้โควิด-19 ก่อน ก็เป็นสิ่งที่สมควรทำ

ที่ชื่นชมส่วนตัวและติดตามมาตลอดเป็นเรื่องราวในชีวิตจริงของครอบครัว “พี่หญิง” ชาวลำปาง ศิษย์เก่าธรรมศาสตร์

เธอเป็นผู้ประกอบการธุรกิจจัดอีเวนต์ หรือออร์แกไนเซอร์ในพื้นที่ สปป.ลาว และเป็นผู้ริเริ่มนวัตกรรมรักษ์โลก ผลิตจานชามจากวัสดุธรรมชาติที่ใช้ได้จริง

ส่วนตัวไม่รู้จักกัน แต่ติดตามกันผ่านโลกโซเชียลด้วยสไตล์ ทำอะไรต้องให้ “สุด” ไม่ใช่แค่ “เสร็จ” ความสำเร็จถึงจะทะลุ

เมื่อไม่มีงาน พี่เขากลับบ้านลำปาง และวางแผนรอรับลูกสาวคนเดียว (นักเรียนแลกเปลี่ยน) กลับจากอิตาลี ประเทศที่ติดเชื้อและตายด้วยโรคโควิดสูงสุด

เมื่อลูกสาวกลับมาก็ต้องเข้าพื้นที่กักกัน 14 วัน ตามมาตรฐานสาธารณสุขที่สัตหีบ

ทุกวันพี่คนนี้จะเขียนเรื่องราวของหน้าที่และความเอาใจใส่ของทหารเรือ ที่ต้องรับผิดชอบคนไทยที่กลับจากเมืองนอกนับพันคน

จนเกิดความผูกพันระหว่างคนไทยด้วยกัน ไม่มีพรรค ไม่มีพวก เป็นยามวิกฤตที่สร้างโอกาสดี ๆ ให้คนไทยรักกัน

ทำทุกอย่าง ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อสังคมส่วนใหญ่

แม้ลูกจะอยู่ครบ 14 วัน แล้วเดินทางกลับลำปาง ก็ใช่ว่าจะง่ายเพราะราชการเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจตราผู้คนเข้า-ออก

ลูกสาวจึงถูกกักตัวเพิ่มอีก 14 วัน ณ ชายขอบเมืองลำปาง เธอยอมและขอเอาตัวอยู่กับลูกด้วย เพื่อคลายเหงา

พร้อมชื่นชมพ่อเมืองลำปางที่ดับเบิลซีเคียว ทำให้เมืองลำปางปลอดเชื้อโควิด

ถือเป็นตัวอย่างของความร่วมมือ

เพราะชัยชนะอยู่ที่ใจ คนเราต้องมองไปข้างหน้า

ไม่ใช่มองแค่ที่เรายืน หรืออยู่

เหมือนปัญหาไข่ไก่ขาดตลาด น่าอดสูและละอายใจมาก