ต้องพร้อมก่อนเปิดประเทศ 1 พ.ย.

รมว.ท่องเที่ยวฯ หารือผู้ว่าฯกทม. เลื่อนเปิดกรุงเทพฯ ดีเดย์ 15 ต.ค. นี้
ภาพจาก pixabay
บทบรรณาธิการ

คำแถลงของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 11 ตุลาคม ที่ผ่านมา ด้วยสาระสำคัญ 2 ประการคือ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นไป ประเทศไทยจะเริ่มเปิดรับการเดินทางเข้าประเทศ โดยไม่ต้องกักตัวกับภายในวันที่ 1 ธันวาคม จะพิจารณาอนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารได้

โดยคำแถลงดังกล่าวได้สร้างความกังวลใจอย่างใหญ่หลวงให้กับประชาชนคนไทย จากเหตุผลที่นายกรัฐมนตรีหยิบยกขึ้นมาสนับสนุนการเปิดประเทศและการเปิดให้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติที่ว่า เป็นโอกาสทองของการทำมาหากิน แต่มีความเสี่ยงที่เกือบจะแน่นอนว่า เมื่อเราเริ่มต้นการผ่อนคลายต่าง ๆ จะทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น

เพียงแต่การเพิ่มขึ้นนั้นจะเป็นการชั่วคราวหรือเป็นการถาวร และจะมีความรุนแรงมากหรือน้อย จากตัวเลขคนติดเชื้อโควิด-19 ปัจจุบันอยู่ที่ 11,276 ราย เสียชีวิต 112 ราย หรือ ติดเชื้อวันละหมื่น ตายวันละร้อยนั้น ได้ยืนพื้นมามากกว่าครึ่งเดือนแล้ว

ขณะที่ความหวังเดียวที่เชื่อกันในรัฐบาลว่า การเร่งฉีดวัคซีนเกินกว่าร้อยละ 70 ของจำนวนประชากรในประเทศจะสามารถสร้างสิ่งที่เรียกกันว่า “ภูมิคุ้มกันหมู่” ก็ยังดูห่างไกลจากสภาพความเป็นจริง

โดยตัวเลขการฉีดวัคซีนล่าสุดบ่งชี้ว่า มีคนไทยฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม เป็นจำนวน 23,796,497 ราย หรือคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แค่ 33.03% จนเกิดความสงสัยกันว่า เหลือเพียง 15 วันก่อนที่จะเปิดประเทศ รัฐบาลจะเร่งฉีดวัคซีนเข็ม 2 ให้ครบร้อยละ 70 ได้อย่างไร

และหากพิจารณาลงไปเป็นรายจังหวัดโดยเฉพาะอย่างยิ่ง จังหวัดนำร่องที่เคยใช้มาตรการ sand box ก็จะพบว่า มีอยู่ 2 จังหวัดเท่านั้นที่มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 เกินกว่าร้อยละ 70 คือ จังหวัดภูเก็ต ร้อยละ 79.8 กับจังหวัดชลบุรี ร้อยละ 71.2 ในขณะที่กรุงเทพมหานคร มีการฉีดวัคซีนเข็ม 1 ทะลุร้อยละ 102.4 แต่ยังไม่มีจังหวัดใดในประเทศที่สามารถฉีดวัคซีนเข็ม 2 เกินกว่าร้อยละ 70

จนมีคำเตือนจากนักวิชาการนายแพทย์ที่ไม่ได้สังกัดกระทรวงสาธารณสุข แสดงความห่วงว่า หลังเปิดประเทศและคลายล็อกดาวน์ให้กลับมาใช้ชีวิตปกติในรูปแบบที่รัฐบาลชอบพูดว่า เราจะต้องอยู่กับโควิด-19 ให้ได้นั้น

แท้จริงแล้ว อาจกลับกลายเป็นความเสียหาย 2 ด้าน ด้านหนึ่งคือการระบาดใหญ่ที่จะกลับมาเกินควบคุม อีกด้านเศรษฐกิจจะเกิดความเสียหายและจำเป็นต้องกลับมาล็อกดาวน์กันอีกครั้ง

ดังนั้น ระยะเวลาที่เหลืออีก 15 วันก่อนเปิดประเทศจึงเป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลจะต้องออกมาให้ความมั่นใจกับประชาชนว่า รัฐบาลมีการเตรียมความพร้อมในการควบคุมการระบาดอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการฉีดวัคซีน ยารักษาโรค โรงพยาบาล ระบบสาธารณสุข บุคลากร เพื่อรับมือกับการกลับมาของโควิด-19 รอบใหม่