โจทย์ท้าทาย ครม.ประยุทธ์ 5

บทบรรณาธิการ

หลังมีการประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ครม.”ประยุทธ์ 5″ แม้ไม่มีเสียงร้องยี้จากสาธารณชน และกระแสตอบรับก็อยู่ในเกณฑ์บวกมากกว่ามองลบ แต่ไม่ได้สร้างความฮือฮาเหมือนกับที่คนส่วนใหญ่คาดหวัง

อย่างการเลือกสรรคนมากำกับดูแลนโยบายกระทรวงเศรษฐกิจ เพื่อขับเคลื่อนภารกิจหลักการแก้ปัญหาเรื่องปากท้องค่าครองชีพ ปัญหาพืชผลทางการเกษตรราคาตกต่ำ รวมทั้งปลุกเศรษฐกิจท้องถิ่นชุมชนที่ยังชะลอตัวให้กลับมากระเตื้อง

เพราะตลอดระยะเวลา 3 ปีเศษที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าควบคุมอำนาจ ก่อนส่งไม้ต่อให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บริหารจัดการประเทศ แม้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมหลากหลายสาขาจะฟื้นตัวชัดเจน แต่คนส่วนใหญ่ของประเทศยังเผชิญกับความยากลำบาก

อย่างภาคการส่งออก ล่าสุด เดือน ต.ค. 2560 ที่ผ่านมา การส่งออกที่เคยวิกฤตพลิกกลับมาดีขึ้นเหนือความคาดหมาย ส่งผลให้ยอดส่งออกรวม 10 เดือนแรกปีนี้เติบโตถึง 9.7% ขยายตัวสูงสุดในรอบ 6 ปี

Advertisment

แต่เกษตรกรและคนในระดับรากหญ้า เอสเอ็มอี ยังจมดิ่งกับปัญหาในวังวนเดิม สารพัดมาตรการที่รัฐทยอยออกมาต่อเนื่องยังแก้ไม่ได้ ยิ่งซ้ำเติมความเหลื่อมล้ำ รวยกระจุกจนกระจาย จนน่าห่วงว่าจะกลายเป็นชนวนขัดแย้งในสังคมรอบใหม่

คนส่วนใหญ่จึงฝากความหวังไว้กับ ครม.ประยุทธ์ 5 ว่าจะได้คนดีมีฝีมือมาอุดช่องโหว่ สานต่อการแก้ปัญหาที่ยังคั่งค้างไม่แล้วเสร็จให้ลุล่วง พลิกสถานการณ์เศรษฐกิจฐานรากที่ย่ำแย่ให้ดีขึ้น

หลังการถวายสัตย์ปฏิญาณ และรัฐมนตรีใหม่เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ทุกภาคส่วนจึงต้องการเห็นการขับเคลื่อนนโยบายแก้ไขปัญหาภาคการเกษตร เอสเอ็มอี ผู้มีรายได้น้อยให้ตรงจุด และเกิดผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด

เพราะสาธารณชนคาดหวังว่าการขยับปรับเปลี่ยน ครม. ทำให้รัฐบาลมีโอกาสได้เลือกสรรคนเก่งเข้ามาช่วยทำงานมากขึ้น ปรับเปลี่ยนให้ได้มาซึ่งทางเลือกที่ดีกว่า การบริหารจัดการเพื่อหาทางออกในการแก้ปัญหาของประเทศมีประสิทธิภาพมากกว่า

Advertisment

ทั้งหมดนี้เป็นการบ้านข้อใหญ่ที่ ครม.บิ๊กตู่ 5 ต้องเร่งแก้โจทย์ ด้วยการผนึกกำลังร่วมกันทำงานอย่างเต็มกำลัง อาศัยกลไกราชการแปรนโยบายไปสู่การปฏิบัติให้ได้ผล

มิฉะนั้นปัญหาหลักและภารกิจท้าทาย การผ่าทางตันปมเศรษฐกิจและวิกฤตรายได้ของกลุ่มเป้าหมายคนในระดับกลางและล่างจะสัมฤทธิผลไม่ได้