คอลัมน์ : ชั้น 5 ประชาชาติ ผู้เขียน : สาโรจน์ มณีรัตน์
จำได้ว่าสมัยมหา’ลัยเริ่มขยายตัวออกสู่ชานเมือง เรามักจะเห็นนักธุรกิจหลายรายสร้างอพาร์ตเมนต์เพื่อดักลูกค้านิสิต นักศึกษา รวมถึงผู้เริ่มต้นวัยทำงาน
นอกจากส่วนหนึ่งเขาจะปล่อยให้เป็นห้องเช่ารายเดือน บริเวณชั้นล่างของอพาร์ตเมนต์ยังแบ่งเป็นห้องเช่าให้กับลูกค้าที่ต้องการเช่าพื้นที่ทำร้านซักอบรีด, ร้านคอมพิวเตอร์, ร้านมินิมาร์ท, ร้านอาหาร และร้านอะไรต่าง ๆ อีกมาก
เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้เช่าอพาร์ตเมนต์
ยิ่งเฉพาะนิสิต นักศึกษา และผู้เริ่มต้นวัยทำงานด้วยแล้ว พวกเขาคือลูกค้าเบอร์ 1 ที่เจ้าของร้านเหล่านั้นนิยมชมชอบ จนทำให้ใครก็ตามที่คิดจะประกอบธุรกิจอพาร์ตเมนต์ในยุคหลัง ๆ ต่างใช้โมเดลธุรกิจเดียวกันนี้ไปบริหารกิจการ
แต่ถึง ณ วันนี้
กลุ่มลูกค้าที่เป็นนิสิต นักศึกษา และผู้เริ่มต้นวัยทำงานเริ่มไม่อยากอยู่อพาร์ตเมนต์ เขาต้องการอยู่คอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้ามากกว่า เพราะนอกจากจะสะดวกสบาย เดินทางไปไหนง่าย ยังทำให้คุณภาพชีวิตมีความทันสมัย
ทั้ง ๆ ที่ราคาคอนโดมิเนียมแต่ละห้องไม่ถูกเลย
หนึ่งล้านกว่า ๆ ขึ้นไปจนถึงหลักสองสามล้าน
ที่สำคัญ ราคาผ่อนคอนโดมิเนียมกับธนาคารแพงกว่าค่าเช่านิดหน่อย เป็นใคร ใครจะเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่ละครับ
เพราะนอกจากจะมีระบบรักษาความปลอดภัย ที่จอดรถยังกว้างขวาง มีสวนสาธารณะ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ผมเคยถามน้อง ๆ ที่ซื้อคอนโดมิเนียมกันหลายคนว่าทำไมถึงชอบอยู่คอนโดมิเนียม
เขาตอบว่าสบายดีครับ ไม่ต้องไปเสียค่าเช่าอพาร์ตเมนต์ เอาเงินค่าเช่าบวกลบอีกนิดหน่อยก็ได้ห้องเป็นของตัวเอง แถมอยู่ใกล้ที่ทำงานด้วย ประหยัดทั้งค่ากิน และค่าเดินทาง
ผมฟังแล้วก็เห็นด้วยกับเขาทุกประการ และคิดว่าสมัยผมกว่าจะมีทาวน์เฮาส์หลังเล็ก ๆ สักหลัง หรือจะมีรถยนต์ขับสักคัน ต้องใช้เวลาเก็บเงินหลายปีกว่าจะมีเงินไปดาวน์ ทั้งยังต้องมาลุ้นอีกว่าไฟแนนซ์ หรือธนาคารจะอนุมัติหรือเปล่า
แต่สมัยนี้ พวกเขาไม่ต้องมานั่งลุ้น แค่ทำงานประจำ มีเงินเดือนแน่นอน และทำงานอยู่ในบริษัทที่มั่นคง หรือบริษัทนั้น ๆ มีคอนแทร็กต์การผ่อนสินเชื่อเงินกู้กับธนาคารต่าง ๆ พวกเขาก็จะมีคอนโดฯ, รถยนต์อย่างไม่ยากเย็น
โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว
เปลี่ยนไปจนทำให้ผมเริ่มคิดว่า ณ ตอนนี้พวกเขายังสบายอยู่ไหม เพราะความแน่นอนในอดีต ตอนนี้เริ่มสำแดงความไม่แน่นอนมาให้เห็นบ้างแล้ว
สำหรับคนที่ทำงานบริษัทมั่นคงคงไม่เดือดร้อน
แต่สำหรับคนที่ทำงานในบริษัทที่กำลังถูกดิสรัปต์ หรือถูกดิสริปต์ไปแล้ว จึงทำให้ผมอดคิดเล่น ๆ ไม่ได้ว่าระหว่างคนรุ่นผมที่เดินช้า ๆ ไปเรื่อย ๆ
กับคนรุ่นใหม่หลายคนที่เดินทางลัดเพื่อไปสู่สิ่งที่ดีกว่า อะไรจะมั่นคง และยั่งยืนมากกว่ากัน
คิดเล่น ๆ นะครับ
ก็เลยเขียนเล่น ๆ เพื่อมาเล่าสู่กันฟัง (ฮา)