“บัน คี มูน” ร่วมเปิด “สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย” นำแนวคิดความอย่างยั่งยืนปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (Global Compact Network Thailand – GCNT) ภายใต้ United Nations Global Compact ของสหประชาชาติ ประกอบด้วย 40 องค์กรไทยชั้นนำ ร่วมวิสัยทัศน์และพันธกิจในการสร้างเศรษฐกิจโลกที่ยั่งยืนและเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านสิ่งแวดล้อมให้มีความสมดุล

ล่าสุดจัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยมีนายบัน คี มูน อดีตเลขาธิการสหประชาติ บินตรงมาร่วมฉลองประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของภาคเอกชน พร้อมผู้แทนเครือข่ายองค์กรธุรกิจจากทุกอุตสาหกรรมชั้นนำของไทยกว่า 500 คน เพื่อตอกย้ำการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบตามมาตรฐานสากล ตั้งเป้าเพิ่มสมาชิกให้ครบ 100 องค์กรสิ้นปี 2562

นายบัน คี มูน อดีตเลขาธิการองค์การสหประชาติ

นายบัน คี มูน อดีตเลขาธิการองค์การสหประชาติ ที่ให้เกียรติมาเป็นประธานในการประชุมอย่างเป็นทางการครั้งแรกของสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กในประเทศไทย กล่าวว่า ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นผู้นำจากองค์กรชั้นนำของภาคเอกชนไทยจำนวนมากมารวมตัวกันเพื่อสร้างเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กในประเทศไทย และร่วมกันรับภาระอันยิ่งใหญ่ที่สอดคล้องกับแนวทางการทำงานขององค์การสหประชาชาติ โลกเราในทุกวันนี้กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ซึ่งนำมาซึ่งความไม่มั่นคงและความเสี่ยงหลายประการ แต่การที่ทุกท่านหันมาร่วมมือกันเป็นแรงขับเคลื่อนการพัฒนาเช่นนี้ เราจะสามารถรับมือกับปัญหาเร่งด่วนที่โลกของเรากำลังเผชิญอยู่ รวมทั้งสามารถสร้างอนาคตที่ดีกว่าวันนี้ได้

นายศุภชัย เจียรวนนท์ นายกสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย

นายศุภชัย เจียรวนนท์ นายกสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โกลบอลคอมแพ็ก เป็นโครงการสำคัญขององค์การสหประชาชาติที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อส่งเสริมให้องค์กรทุกภาคส่วนทั่วโลกตระหนักและ ร่วมกันนำแนวคิดเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืนไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมในแต่ละประเทศ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ทรงพลัง ยกระดับมาตรฐานการทำธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาลโดยเน้นแกนหลัก 4 ด้าน คือ สิทธิมนุษยชน มาตรฐานแรงงาน สิ่งแวดล้อม และการต่อต้านการทุจริต

15 องค์กรธุรกิจชั้นนำของไทยที่เป็นสมาชิก UN Global Compact ซึ่งเป็นเครือข่ายของภาคเอกชนเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่มีสมาชิกกว่า 13,000 องค์กรใน 160 ประเทศทั่วโลกเล็งเห็นประโยชน์ของโครงการนี้ ได้ร่วมกันเป็นสมาชิกจัดตั้งเครือข่ายในประเทศไทยใน พ.ศ. 2560 โดยมาจากทุกอุตสาหกรรมหลัก คือ กลุ่มเกษตรและอาหาร ได้แก่ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด และบริษัท ไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

กลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันปิโตรเลียม ได้แก่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท. โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)

และกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ได้แก่ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ได้แก่ บริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ จำกัด (มหาชน) กลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ ได้แก่ บริษัท พินนาเคิล โฮเต็ลส์ แอนด์ รีสอร์ท จำกัด กลุ่มอุตสาหกรรมสื่อและสิ่งพิมพ์ ได้แก่ บริษัท พริ้นท์ ซิตี้ จำกัด

“การที่องค์กรธุรกิจเอกชนจากทุกกลุ่มอุตสาหกรรมรวมพลังกันเช่นนี้ จะส่งผลในวงกว้าง เนื่องจากแต่ละองค์กรต่างมีซัพพลายเชนขนาดใหญ่ มีลูกค้า คู่ค้า และพนักงานรวมกันเป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นว่าภาคเอกชนของไทยมีความตื่นตัวเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน และการสร้างจิตสำนึก การให้ความรู้ และการจัดกิจกรรมร่วมกัน จะก่อให้เกิดพลังที่ยิ่งใหญ่ที่เป็นหัวใจของการพัฒนา และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในเชิงบวกอย่างเป็นรูปธรรม” นายศุภชัยกล่าว

การดำเนินกิจกรรมของสมาคมฯ จะเน้นการส่งเสริมให้ภาคเอกชนให้ดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจด้วยความรับผิดชอบ และขับเคลื่อนเชิงกลยุทธ์ภายใต้เป้าหมายหลัก 4 ด้านของโกลบอลคอมแพ็ก กิจกรรมหลักได้แก่ การจัดฝึกอบรม เกี่ยวกับความรู้ใหม่ ๆ และเทรนด์ของโลกด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน การจัดสัมมนาเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ อาทิ แรงงานเด็ก การจัดกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้องค์กรสมาชิก ได้พบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์และหารือเรื่องความ ร่วมมือในการดำเนินการต่าง ๆ ที่จะยกระดับการทำธุรกิจด้วยความรับผิดชอบ อันจะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

จากเป้าหมายหลัก 4 ด้านเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับโลกนั้น ในประเทศไทยเราจะเริ่มที่เรื่องสิทธิมนุษยชน เนื่องจากเป็นประเด็นหลักที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศ ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศ สมาคมฯเล็งเห็นว่าเรื่องของสิทธิมนุษยชนยังมีความละเอียดอ่อน และมีหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเรื่องแรงงานเด็ก แรงงานต่างชาติ แรงงานสตรี สวัสดิการ และอื่น ๆ ที่หลายคนยังไม่ทราบ จำเป็นที่เราจะต้องนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นเร่งด่วนและผลักดันให้มีการปรับปรุงอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

นอกจากสมาคมฯจะทำหน้าที่เป็นแกนกลางในการเผยแพร่ความรู้ และเปิดโอกาสให้สมาชิกเรียนรู้ร่วมกันผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ยังมุ่งหวังจะชักชวนให้องค์กรธุรกิจทั่วประเทศเข้าร่วมกับสมาคมฯ เพื่อให้เกิดเครือข่ายที่สามารถสร้างพลังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างในสังคม โดยวางเป้าหมายที่จะเพิ่มสมาชิกให้ครบ 100 องค์กรภายในสิ้นปี 2562 ตลอดจนสนับสนุนและช่วยเหลือให้องค์กรภาคเอกชนไทยสมัครเข้าเป็นสมาชิกของโกลบอลคอมแพ็กขององค์การสหประชาชาติด้วย