เพราะวิสัยทัศน์ที่มุ่งเป็นผู้นำในการริเริ่มสร้างพิมพ์เขียวแห่งคุณภาพชีวิตที่ดีในวันนี้และวันข้างหน้า เพื่อทุกคนในสังคม (AP WORLD, A Vision for Quality of Life) “บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)” จึงให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่อยู่อาศัยของคนเมือง โดยเฉพาะการพัฒนาเมืองบริบทใหม่เพื่อการอยู่อาศัยที่ยั่งยืนในโลกอนาคต ภายใต้ปรัชญา “GROW-มาสเตอร์แพลนแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน”
เพราะวันนี้แนวคิดการพัฒนาที่อยู่อาศัยไม่ได้จำกัดเพียง “การออกแบบ, ทำเลที่ตั้ง และราคา” เท่านั้น แต่ต้องมีการวางรูปแบบมาสเตอร์แพลนที่รองรับการอยู่อาศัยของผู้คนให้มีความยั่งยืนด้วยการออกแบบพื้นที่ในโครงการที่สนับสนุนให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยเฉพาะการเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อให้การพัฒนาเมืองและสภาพแวดล้อมเติบโตอยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุล
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
ไม่นานที่ผ่านมา “ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นพร้อมกับน้อง ๆ นักศึกษาที่ผ่านการคัดเลือกใน “โครงการเอพี โอเพ่นเฮ้าส์ 2019 (AP Open House 2019)” เพื่อศึกษาองค์ความรู้ในการพัฒนาเมืองเพื่อการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืนในโลกอนาคต ในโครงการต้นแบบอสังหาริมทรัพย์ของ “มิตซูบิชิ เอสเตท เรสซิเดนซ์” (Mitsubishi Estate Residence) บริษัทในเครือ “มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป” (Mitsubishi Estate Group-MEC) ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลของระบบนิเวศเพื่อนำมาสู่การใช้ชีวิตที่เกื้อหนุนระหว่างมนุษย์ และสิ่งแวดล้อม ภายใต้ปรัชญา “BIODIVERSITY”
“วิทการ จันทวิมล” รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทิศทางของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันไม่ใช่เพียงแค่การพัฒนาและขายไปเท่านั้น แต่ต้องคำนึงถึงการเติบโตร่วมกันระหว่างธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ทั้งนั้น เอพีในฐานะผู้พัฒนาอสังหาฯที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตในการอยู่อาศัย ภายใต้วิสัยทัศน์ AP WORLD จึงตอกย้ำแนวคิดดังกล่าวจนเป็นที่มาของปรัชญา GROW-มาสเตอร์แพลนแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน
“โดยการออกแบบและพัฒนาโครงการจะไม่ใช่แค่การคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอย ตลอดจนความสะดวกสบายของผู้อยู่อาศัยเท่านั้น แต่จะศึกษาและทำความเข้าใจของการอยู่อาศัยร่วมกันระหว่างคนเมืองและธรรมชาติ โดยเฉพาะการเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในโครงการเพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างระบบนิเวศของการอยู่อาศัยร่วมกันระหว่างสิ่งแวดล้อม คน สิ่งก่อสร้างอย่างสมบูรณ์ ทำให้คุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ดีขึ้น สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเราที่มุ่งสร้างพิมพ์เขียวแห่งคุณภาพชีวิตที่ดีในวันนี้และวันข้างหน้าเพื่อทุกคนในสังคม”
จากการที่เอพีจับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกับมิตซูบิชิ เอสเตท เรสซิเดนซ์ บริษัทในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป มากว่า 6 ปี จึงทำให้เกิดการสนับสนุน แลกเปลี่ยน เรียนรู้ในมิติต่าง ๆ โดยเฉพาะการถ่ายทอดองค์ความรู้สำหรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืน เช่นเดียวกับการนำน้อง ๆ นักศึกษาจากโครงการเอพี โอเพ่นเฮ้าส์ ปี 2019 มาศึกษาดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้ เพื่อเปิดวิสัยทัศน์ด้านการออกแบบเพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนของการอยู่ร่วมกันกับทั้งมนุษย์และธรรมชาติ จนนำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคนในสังคมของมิตซูบิชิ เอสเตท เรสซิเดนซ์ ภายใต้ปรัชญา BIODIVERSITY ผ่าน 2 โครงการต้นแบบอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่
หนึ่ง ไดมารูยู (DAIMARUYA DISTRICT) ซึ่งเป็นการพัฒนาพื้นที่ใจกลางเมืองควบคู่ไปกับการสร้างความหลากหลายทางชีวภาพ เพิ่มคุณภาพชีวิตแก่ผู้อยู่อาศัย ภายใต้คอนเซ็ปต์ BIO NET Initiative
สอง อิซูมิ ปาร์ค ทาวน์ (IZUMI PARK TOWN) เมืองที่ทำให้การอยู่อาศัยร่วมกันระหว่างคน สิ่งก่อสร้าง และสิ่งแวดล้อมเต็มไปด้วยความสมบูรณ์ของทรัพยากรทางธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยว แหล่งอุตสาหกรรม ที่อยู่อาศัย และศูนย์กลางทางธุรกิจ
สำหรับไดมารูยูถือเป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจสำคัญที่ครอบคลุมตั้งแต่ Marunouchi-Otemachi-Yurakucho โดย MEC ต้องการพัฒนาให้พื้นที่ใจกลางเมืองแห่งนี้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพอีกครั้ง จากย่านที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นเพียงสถานที่ทำงาน ออฟฟิศ ให้กลายเป็นย่านธุรกิจสำคัญของโตเกียวที่รายล้อมไปด้วยร้านอาหาร แหล่งช็อปปิ้ง พิพิธภัณฑ์ อาคารสำนักงานมากมาย ทั้งนั้น MEC ยังได้สร้างให้ย่านนี้มีบรรยากาศของความเขียวขจีด้วยแนวคิดที่จะสร้างความยั่งยืนและเพิ่มพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ไว้ในใจกลางเมืองโตเกียว จึงทำให้พื้นนี้กลายเป็นปอดของเมืองที่สามารถเชื่อมคนเข้ากับธรรมชาติได้อย่างไร้รอยต่อ
นอกจากนี้ ไดมารูยูยังเป็นแหล่งรวมรูปแบบการดีไซน์ สเปซ และไลฟ์สไตล์ใหม่ ๆ ที่สะท้อนให้เห็นถึงการอยู่อาศัยร่วมกันระหว่างคนเมือง สิ่งก่อสร้าง และต้นไม้ใหญ่ และหนึ่งในนั้นคือ The Cafe by Aman ซึ่งถูกออกแบบและตกแต่งให้เรียบง่าย โดยเห็นทิวทัศน์ที่เขียวขจีเต็มไปด้วยป่าไม้ ขนาด 3,600 ตารางเมตร ใจกลางกรุงโตเกียว เปรียบเสมือน forest park in the city
ส่วน BIO NET Initiative ถือเป็นคอนเซ็ปต์ที่ต่อยอดมาจากปรัชญา BIODIVERSITY เพื่อคงไว้ซึ่งความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งเป็นเป้าหมายร่วมกันทั้งในระดับประเทศและระดับโลก โดย MEC ร่วมกับหลายภาคส่วนด้วยการลงพื้นที่ศึกษาทุกตารางเมตรของโครงการ เพื่อหาวิธีในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศให้เกิดความสมดุลอย่างยั่งยืน และตั้งแต่เปิดไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน BIO NET Initiative ถูกนำไปขยายผลในคอนโดมิเนียมแบรนด์ The Parkhouse อีกกว่า 150 โครงการ
เพราะ MEC ต้องการ The Parkhouse ทุก ๆ โครงการกลายเป็นส่วนหนึ่งในระบบนิเวศของธรรมชาติ เสมือนเป็นที่พักที่อุดมสมบูรณ์ให้กับสิ่งมีชีวิตโดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นนก ผีเสื้อ หรือดอกไม้ ต้นหญ้า เข้ามาพักอาศัย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมให้ธรรมชาติเจริญเติบโตอย่างสมดุล
ขณะที่อิซูมิ ปาร์ค ทาวน์ เมืองที่สมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณธรรมชาติ คนคุณภาพ และธุรกิจครบวงจร ซึ่งก่อสร้างขึ้นเมื่อปี 2490 โดยมุ่งหวังให้พื้นที่แห่งนี้เป็นเมืองที่คนและธรรมชาติอยู่ร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวด้วยการบริหารจัดการเมืองภายใต้ข้อตกลงร่วมกันของผู้ที่อยู่อาศัย โดยมีกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมให้เมืองแห่งนี้สามารถขับเคลื่อนและเติบโตไปได้ ด้วยการเน้นแก่ส่วนรวม เคารพซึ่งกันและกัน
ไม่เพียงเท่านี้ อิซูมิ ปาร์ค ทาวน์ยังเป็นพื้นที่ที่ครอบคลุมทุกกิจกรรมของทุกชีวิตในเมือง ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย พื้นที่สำหรับการศึกษา การทำอุตสาหกรรม การทำธุรกิจ การพักผ่อนทั้งสำหรับครอบครัวตั้งแต่วัยหนุ่มสาวไปจนถึงผู้สูงอายุ ที่สำคัญยังเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากหลากหลายประเทศทั่วโลก
ปัจจุบันอิซูมิ ปาร์ค ทาวน์ มีประชากรราว 25,000 คน โดยเมืองถูกออกแบบอย่างเป็นระบบและเต็มไปด้วยพื้นที่สีเขียวมากมาย ซึ่งแบ่งสัดส่วนออกเป็น 4 โซนสำคัญ ได้แก่ 1) พื้นที่สำหรับอยู่อาศัย ที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบถนนให้สามารถใช้ประโยชน์ตามฟังก์ชั่นการใช้งาน และผู้อยู่อาศัยต้องรักษาพื้นที่สีเขียวให้มีอยู่อย่างน้อย 30% ของพื้นที่ทั้งหมด และต้องจัดให้มีพื้นที่สำหรับส่วนรวมเพื่อสนับสนุนให้เกิดการทำกิจกรรมร่วมกัน และมีการสร้างสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน
2) พื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของโรงเรียน การพบปะสังสรรค์ สถานที่ช็อปปิ้ง
3) พื้นที่สำหรับการพักผ่อน ออกกำลังกาย หรือกิจกรรมสันทนาการต่าง ๆ
และ 4) แหล่งธุรกิจสำคัญของเมือง ซึ่งรวมถึงเขตโรงงาน เขตสำนักงานต่าง ๆ
ถึงตรงนี้ “วิทการ” กล่าวว่า จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในมิติต่าง ๆ ระหว่าง MEC และเอพี ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา จนเป็นที่มาของโปรเจ็กต์ต้นแบบแห่งการอยู่อาศัยแนวตั้งที่ยั่งยืนและสมดุล ด้วยแนวคิดป่าในเมือง (rorest park in the city) ในโครงการ LIFE สาทร เซียร์รา ที่ทำให้พื้นที่ส่วนกลางกว่า 8,400 ตารางเมตรเป็นหุบเขาต้นไม้กลางเมืองที่ปกคลุมด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด
“โดยไฮไลต์สำคัญคือการออกแบบภูมิทัศน์ด้านหน้าให้เป็นเหมือนหุบเขาต้นไม้ไล่ระดับ ผสมผสานการออกแบบ hiking trail ทางเดินป่าจำลองรายล้อมด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด พร้อมด้วย serene pool สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ยาวกว่า 100 เมตรในรูปทรงที่กลมกลืนไปกับธรรมชาติ”
“อีกทั้งชั้น 40 ซึ่งเป็นส่วนบนสุดของอาคาร ยังออกแบบ panoramic sky lounge ให้เป็นกล่องแก้วใสขนาดใหญ่แวดล้อมด้วยพื้นที่ป่าที่สร้างขึ้นโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจาก The Cafe by Aman ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเปิดทุกมุมมองรับวิวสีเขียวและขอบฟ้ามหานครกรุงเทพฯอีกด้วย”