บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ร่วมกับหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (JCC) และมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท เดินหน้าส่งมอบโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียนปีที่ 21 ให้กับโรงเรียนต่าง ๆ ดังนี้
โรงเรียนบ้านทุ่งมน อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น, โรงเรียนบ้านต่างแดน, โรงเรียนโนนปอแดงวิทยา, โรงเรียนโนนอุดมศึกษา อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู และโรงเรียนส้งเปือย อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร เพื่อสนับสนุนเด็ก และเยาวชนผลิตอาหารในโรงเรียนด้วยโปรตีนจากไข่ไก่ เพื่อเรียนรู้หลักการจัดการธุรกิจเกษตร จนนำไปใช้ประกอบอาชีพในอนาคต
- เงินอุดหนุนบุตร 600 บาท เดือนพฤษภาคม 2567 เงินเข้าวันไหน เช็กที่นี่
- เช็กที่นี่ เบี้ยผู้สูงอายุ พฤษภาคม 2567 เงินเข้าวันไหน
- เช็กที่นี่ เบี้ยคนพิการ เดือนพฤษภาคม 2567 เงินเข้าพรุ่งนี้
“สมคิด วรรณลุกขี” รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจไก่ไข่ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ กล่าวว่า โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน เป็นโครงการที่ซีพีเอฟดำเนินการมากว่า 30 ปี เราสนับสนุนมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบทในด้านของเทคโนโลยีการเลี้ยง และมอบโรงเรือนเลี้ยงไก่ พันธุ์ไก่ อาหารไก่
“ถ้าถามว่าทำไมโครงการนี้ถึงทำมานาน 30 กว่าปี เหตุผลหนึ่งเพราะซีพีเอฟมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงไก่ไข่ ที่ไปช่วยโรงเรียน ด้วยการให้คำแนะนำด้านการจัดการฟาร์ม และการป้องกันโรคที่ดี เมื่อได้ประสิทธิภาพการเลี้ยงที่ดี ต้นทุนจะต่ำ ทำให้โครงการนี้สามารถเลี้ยงตัวเองได้รุ่นต่อรุ่น”
“ที่สำคัญคือ เราส่งเจ้าหน้าที่ของเราที่เป็นสัตวบาลเข้ามาให้คำแนะนำนักเรียน อาจารย์ และชาวบ้านที่เข้ามาทำโครงการ ว่าทำอย่างไรไก่จะกินอาหารได้ กินน้ำได้ มีร่างกายแข็งแรง มีภูมิคุ้มกันโรค เพื่อให้ผลผลิตตามมาตรฐานของสายพันธุ์”
“ผลตรงนี้คือสิ่งที่เป็น key success จนทำให้โครงการประสบความสำเร็จ และตอนนี้มีทั้งหมด 855 โรงเรียนที่อยู่ในโครงการ ที่สำคัญ เรามีแผนขยายโครงการประมาณ 20-25 โรงเรียนในทุก ๆ ปี โดยในส่วนหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ เข้ามาสนับสนุนมีทั้งหมด 132 โรงเรียน และนอกจากนั้นยังมีบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) มาช่วยสนับสนุนด้วย”
“สมคิด” อธิบายต่อว่า เราตั้งใจต่อยอดโครงการเลี้ยงไก่ไข่เป็นศูนย์เรียนรู้ของชุมชน เพื่อให้คนในชุมชนเข้ามาเรียนรู้เทคโนโลยีเรื่องการเลี้ยงไก่ การตลาด และการจัดการฟาร์ม เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ได้ หรือเริ่มต้นธุรกิจเล็ก ๆ ได้ ผมคิดว่าเรื่องแบบนี้จะทำให้ชุมชนเกิดความยั่งยืน เพราะนอกจากเลี้ยงไก่แล้ว ยังสามารถปลูกพืชผักสวนครัวที่ใช้ปุ๋ยจากมูลไก่
“นอกจากนี้ยังมีการติดตามเรื่องการเลี้ยงไก่ เพราะเป็นเรื่องสำคัญ เราจึงมีเครื่องมือที่ใช้ระบบ chatbot รวบรวมข้อมูลเป็นรายสัปดาห์ เพื่อติดตามงานของแต่ละโรงเรียน เช่น ไก่ให้ไข่กี่ฟอง กินอาหารกี่กรัม กินน้ำกี่ซีซีต่อตัว เพราะสิ่งเหล่านี้บ่งบอกว่าไก่จะมีสุขภาพดีหรือไม่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของเราให้ความช่วยเหลือได้ทัน”
“เรอิจิ ฟุจิตะ” ประธานส่วนการศึกษาคณะกรรมการฝ่ายความช่วยเหลือสังคม หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ กล่าวว่า องค์กรตระหนักถึงความสำคัญของอาหารมื้อกลางวันเพื่อโภชนาการที่ดีของเด็ก จึงเริ่มสนับสนุนโครงการนี้ตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว เพื่ออาหารกลางวันนักเรียนปีละ 5 โรงเรียน รวมส่งมอบไปแล้วทั้งหมด 132 โรงเรียน ซึ่งเรายังสนับสนุนโครงการต่อไป
“การเลี้ยงไก่ไข่ทำให้นักเรียนมีอาหาร ซึ่งเป็นอาหารโปรตีนที่ดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพของนักเรียนเพื่อจะเติบโตเป็นกำลังของประเทศ นอกจากนี้ นักเรียนยังฝึกการบริหารจัดการ มีการเก็บไข่ ขายไข่ อันเป็นทักษะการเรียนรู้เกี่ยวกับการเกษตร ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ เพราะนำไปเป็นวิชาชีพเลี้ยงตัวได้อย่างหนึ่ง สำหรับนักเรียนเติบโตขึ้นไปแล้ว”
จึงนับเป็นโครงการที่สร้างแหล่งอาหารอย่างสม่ำเสมอ และเพียงพอ เพราะจากการที่โรงเรียนนำผลผลิตไข่ไก่ไปขายให้แก่ชุมชน จึงทำให้ชุมชนรอบข้างบริโภคไข่ไก่ในราคาถูกกว่าท้องตลาด ขณะเดียวกัน นักเรียนยังได้ลงมือปฏิบัติจริง ฝึกทักษะอาชีพ มีโอกาสเรียนรู้ทั้งด้านการผลิต การจัดการ และการตลาดอีกด้วย