เร่ง SMEs สมัครรับ 3,000 บาท ต่อลูกจ้าง 1 คน นาน 3 เดือน หวั่นเสียสิทธิ

ลูกหนี้-NPL-SMEs-หนี้เสีย

รมว.สุชาติบี้ กกจ. ประชาสัมพันธ์โครงการช่วย SMEs หวั่นนายจ้างไม่ทราบข่าว ยอดสมัครยังไม่ถึงครึ่ง เหลือเวลาลงทะเบียน 5 วัน (ภายใน 20 พ.ย.นี้) รับเงิน 3,000 บาท ต่อลูกจ้าง 1 คน

วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs ภายใต้กรอบวงเงิน 37,506,414,000 บาท เพื่อให้นายจ้างสามารถรักษาระดับการจ้างงาน ทำให้ลูกจ้างสัญชาติไทยในธุรกิจ SMEs ไม่ถูกเลิกจ้างตามเงื่อนไขโครงการ มีรายได้ดูแลตนเองและครอบครัว อีกทั้งนายจ้าง สถานประกอบการ ได้รับเงินอุดหนุนเพื่อเสริมสภาพคล่อง นำไปฟื้นฟูกิจการ และสร้างความแข็งแรงในธุรกิจให้ดำเนินกิจการได้ต่อเนื่อง

โดยนับตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม-20 พฤศจิกายน 2564 ที่กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน (กกจ.) จัดทำโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs เปิดลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ ส่งเสริมการจ้างงานเอสเอ็มอี.doe.go.th ณ ปัจจุบันมีสถานประกอบการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ 169,096 ราย (หรือร้อยละ 42.84) ช่วยรักษาระดับการจ้างงานลูกจ้างสัญชาติไทย 2,536,686 คน (หรือร้อยละ 62.90)

นายสุชาติกล่าวว่า ระยะเวลาลงทะเบียนร่วมโครงการจะหมดเขตในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2564 หากไม่ดำเนินการตามระยะเวลาที่กำหนดจะทำให้นายจ้าง/สถานประกอบการ เสียสิทธิที่จะได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล ในอัตรา 3,000 บาทต่อลูกจ้างสัญชาติไทย 1 คนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ในเดือนพฤศจิกายน 2564-มกราคม 2565

“ผมกังวลว่ายังมีนายจ้างและสถานประกอบการบางส่วนที่ยังไม่รู้จักโครงการ ขณะนี้ก็มอบหมาย กกจ.เร่งโทรแจ้งนายจ้างในพื้นที่รับผิดชอบทีละราย เพื่อให้รับทราบข้อมูลและมาลงทะเบียนทันตามกำหนด”

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า กกจ.มอบหมายข้าราชการและเจ้าหน้าที่จากสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1-10 และสำนักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศ ติดตามนายจ้าง สถานประกอบการที่จดทะเบียนที่ตั้งบริษัทในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลโครงการ และเร่งรัดให้ลงทะเบียนภายในกำหนดเวลา ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่ที่ยังไม่ทราบข้อมูลโครงการและยังไม่ลงทะเบียนมักเป็นนายจ้างในธุรกิจขนาดเล็กที่มีการจ้างงาน 3-4 คน

“สำหรับนายจ้าง/สถานประกอบการภาคเอกชนที่อยู่ในระบบประกันสังคม และมีลูกจ้างรวมทุกสาขาไม่เกิน 200 คน สามารถสมัครร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ “ส่งเสริมการจ้างงานเอสเอ็มอี.doe.go.th” เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ เมื่อได้รับการอนุมัติแล้ว ต้องสมัครใช้บริการระบบ e-Service ของสำนักงานประกันสังคม เพื่อยื่นแบบรายการแสดงข้อมูลการส่งเงินสมทบ สปส. 1-10 ในระบบ e-Sevice จึงจะได้รับเงินอุดหนุนจากโครงการนี้

เกณฑ์และเงื่อนไขมีดังนี้

1. คุณสมบัติ

เป็นนายจ้างภาคเอกชนที่อยู่ในระบบประกันสังคม ตามฐานทะเบียนข้อมูลประกันสังคมมาตรา 33 มีสถานะ Active ที่มีลูกจ้างทุกสาขารวมกันไม่เกิน 200 คน ณ วันที่ 16 ตุลาคม 2564 เพื่อตรวจสอบขนาดกิจการที่มีสถานะเป็น SMEs

2. เงื่อนไข

(1) รัฐจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่นายจ้างตามจำนวนลูกจ้างสัญชาติไทยจำนวนไม่เกิน 200 คน ที่อยู่ในฐานทะเบียนข้อมูลประกันสังคม มาตรา 33 มีสถานะ Active ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564

(2) รัฐจ่ายเงินอุดหนุนในอัตรา 3,000 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน (พฤศจิกายน 2564 ถึงมกราคม 2565)

(3) รัฐจ่ายเงินอุดหนุนตามจำนวนการจ้างจริงของทุกเดือน โดยตรวจสอบจากฐานทะเบียนข้อมูลประกันสังคม มาตรา 33 มีสถานะ Active ทุกวันที่ 16 ของเดือน

(4) ระหว่างเข้าร่วมโครงการเดือนที่ 2 และ 3 (ธันวาคม 2564 ถึงมกราคม 2565) นายจ้างจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขดังนี้

4.1 นายจ้างต้องรักษาระดับการจ้างงาน ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 95 หากนายจ้างไม่สามารถรักษาระดับการจ้างงานจะไม่ได้รับเงินอุดหนุนในเดือนนั้น ๆ

4.2 ในกรณีที่นายจ้างมีจำนวนการจ้างงานเพิ่มขึ้นโดยเปรียบเทียบจากข้อมูล ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 นายจ้างจะได้รับเงินอุดหนุนตามจำนวนการจ้างงานจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 5 ของจำนวนลูกจ้างสัญชาติไทยทั้งหมดที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของโครงการ ในอัตรา 3,000 บาทต่อคนต่อเดือน ระยะเวลา 2 เดือน (ธันวาคม 2564 ถึง มกราคม 2565)

(5) นายจ้างจะต้องแจ้งชื่อและหมายเลขบัญชีธนาคารของนายจ้าง (กรณีนายจ้างเป็นนิติบุคคลต้องใช้บัญชีธนาคารซึ่งเป็นชื่อของนิติบุคคลนั้น/นายจ้างบุคคลธรรมดาใช้ชื่อบัญชีของนายจ้าง)

(6) รัฐจ่ายเงินอุดหนุนให้กับนายจ้าง โดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากตามที่นายจ้างแจ้งทุกวันทำการสุดท้ายของเดือน กรณีการรับเงินอุดหนุนผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย สำหรับธนาคารอื่นนายจ้างจะได้รับเงินอุดหนุนหลังจากวันดังกล่าว โดยจะถูกหักค่าธรรมเนียมการโอนระหว่างธนาคารจากเงินอุดหนุน

(7) นายจ้างที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ ส่งเสริมการจ้างงานเอสเอ็มอี.doe.go.th ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม ถึงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2564 ก่อน แล้วจึงสมัครใช้บริการระบบ e-Service ของสำนักงานประกันสังคม เพื่อยื่นแบบรายการแสดงข้อมูลการส่งเงินสมทบ สปส. 1-10 ในระบบ e-Sevice ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป จึงจะได้รับเงินอุดหนุนจากโครงการนี้

(8) การขอรับเงินอุดหนุนของนายจ้างจะต้องไม่เป็นเหตุให้นายจ้างชะลอการจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้าง

(9) นายจ้างจะต้องจ่ายค่าจ้างไม่ต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของแต่ละจังหวัดตามประกาศของคณะกรรมการค่าจ้าง

“กรณีที่นายจ้างไม่สามารถลงทะเบียนร่วมโครงการผ่านระบบด้วยตนเอง สามารถนำเอกสารซึ่งประกอบด้วย หนังสือมอบอำนาจติดอากรแสตมป์ 30 บาท สำเนาบัตรประชาชนผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ สำเนาหน้าสมุดธนาคาร (กรณีใช้บัญชีกระแสรายวัน ให้ใช้สมุดหน้าเช็คที่มีชื่อนายจ้างและเลขบัญชี) และสำเนาหนังสือรับรองการจะทะเบียนนิติบุคคล หรือสำเนาบัตรประชาชน (นายจ้างบุคคลธรรมดา) โดยลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้องทุกฉบับ ติดต่อที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการให้” นายไพโรจน์กล่าว

หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมให้ติดต่อที่ สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร.1694