พันธกิจไทยซัมซุง 32 ปี ขับเคลื่อนสังคมยั่งยืน ผ่านพลังนวัตกรรม

ไทยซัมซุงมุ่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้สังคมผ่าน 3 เสาหลัก การศึกษา-เติมเต็มความสามารถ-สิ่งแวดล้อม

วันที่ 24 ธันวาคม 2564 ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์เปิดเผยพันธกิจมุ่งขับเคลื่อนความยั่งยืนให้สังคมไทย ที่ครอบคลุมทั้งด้านการศึกษาของเยาวชน ดูแลคนในอค์กรและคนในสังคม และสิ่งแวดล้อม โดยนางสาวปารมี ทองเจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า ในมุมมองของผู้บริโภคยุคใหม่ ความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์อาจไม่ใช่เหตุผลเดียวในการเลือกซื้อสินค้าอีกต่อไป เพราะปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของคนรุ่นใหม่กว่า 80% คือวิสัยทัศน์และพันธกิจของแบรนด์ที่มุ่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่เพื่อภาพลักษณ์ทางการตลาดเท่านั้น

ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์จึงมุ่งมั่นต่อยอดวิสัยทัศน์สู่หลากหลายโครงการที่ช่วยยกระดับชีวิตของคนไทย โดยตลอดเวลา 32 ปี ที่ผ่านมาในประเทศไทยได้สร้างสรรค์โครงการด้านการศึกษาให้แก่เยาวชนไทย และการดำเนินธุรกิจโดยใส่ใจคนในสังคม รวมถึงการปรับโครงสร้างกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไทย

บริษัทยึดหลักการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อผู้คนรอบข้างอยู่เสมอ ภายใต้แนวคิดมุ่งสร้างพลังคน มุ่งสร้างอนาคตที่ดีร่วมกัน (Together for Tomorrow! Enabling People) ใน 3 แง่มุมหลัก ได้แก่ Education (การศึกษา), Empowering (เติมเต็มความสามารถ), และ Environment (สิ่งแวดล้อม)

อนาคตของชาติเริ่มที่เยาวชน

นางสาวปารมีกล่าวถึงผลการศึกษาของ McKinsey & Company ที่ระบุว่า เมื่อเทคโนโลยีรุดหน้าอย่างรวดเร็ว ช่องว่างทางโอกาสการเติบโตในสายอาชีพจะเพิ่มสูงขึ้น โดยคนที่มีความรู้และทักษะทางเทคโนโลยีจะมีการเติบโตที่มากกว่า ไทยซัมซุงจึงได้ทำกิจกรรมมากมายร่วมกับเยาวชน เพื่อเพิมทักษะเทคโนโลยี ลดความเลื่อมล้ำในการเข้าถึงการศึกษา ไม่ว่าจะมาจากไหน อายุเท่าไร หรือมีข้อจำกัดอะไรก็ตาม ยกตัวอย่างโครงการดังนี้

1) การอบรมเชิงปฏิบัติการ Samsung Innovation Campus หรือ SIC โครงการที่ส่งเสริมทักษะในยุคดิจิทัลผ่านการอบรมโค้ดดิ้ง (coding) เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของเยาวชนและบุคลากรทางการศึกษาของไทยให้มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับนวัตกรรมโค้ดดิ้ง

ตัวอย่างความสำเร็จ นายภาสกร ภัทรภากร อดีตนักเรียน SIC ที่สามารถเข้าศึกษาต่อที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ หลักสูตรนานาชาติ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และกลับมาเป็นผู้ช่วยสอนในโครงการ SIC ปีต่อมาอีกด้วย

2) สร้างความเท่าเทียมด้านการศึกษาของเด็กไทย โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมาที่เด็กไทยจำเป็นต้องเรียนหนังสือผ่านช่องทางออนไลน์อยู่ที่บ้าน ไทยซัมซุงจึงเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโอกาสให้นักเรียนทั่วประเทศได้เข้าถึงการศึกษารูปแบบใหม่ โดยการมอบแท็บเล็ตให้โรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร และช่วยให้นักเรียนที่ขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนสามารถเข้าถึงการเรียนการสอนแบบออนไลน์ได้ และยังนับเป็นการปูพื้นฐานเพื่อพร้อมรับรูปแบบใหม่ของการเรียนรู้แห่งอนาคตให้กับเด็กไทย

3) เพิ่มทักษะสายอาชีพ ไทยซัมซุงให้ความสำคัญกับความสามารถและพรสวรรค์ในงานช่าง ผ่านโครงการ Samsung Dual Vocational Education หรือ Samsung DVE ที่สร้างพื้นที่ให้กับนักเรียนสายอาชีวะได้แสดงความสามารถและเพิ่มโอกาสการทำงาน โดยร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) พัฒนานักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพขั้นสูง (ปวส.) ได้เข้าไปเรียนรู้และสัมผัสกับโลกของการทำงานจริงในศูนย์บริการซัมซุงทั่วประเทศ

ดูแลคนในองค์กรและคนในสังคม

ไทยซัมซุงมีความเชื่อว่า ทรัพยากรบุคคลคือสิ่งที่มีค่าที่สุดของบริษัท ดังด้วยคำกล่าวที่ว่า The People are the Company (คนก็คือบริษัท)

“เราจึงสนับสนุนพนักงานให้พัฒนาทักษะและความสามารถอย่างเต็มศักยภาพ เปิดโอกาสให้พนักงานทุกระดับเข้าถึงคลังความรู้หลายหลายรูปแบบ หลายวิชา บนหลายแพลตฟอร์ม โดยจัดสรรงบราว 10 ล้านบาทต่อปี เพื่อสนับสนุนคอร์สเรียนต่าง ๆ ที่พนักงานต้องการได้รับความรู้เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น ความรู้ด้านการบริหาร หรือ ความรู้เชิงเทคนิค ทำให้พนักงานมีความสามารถรอบด้านและสามารถรับมือกับเทรนด์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว”

ไม่เพียงแต่คนในองค์กรเท่านั้น ไทยซัมซุงยังให้คนในสังคมอีกด้วย เช่น ช่วยให้เกษตรกรไทยได้ก้าวสู่ยุค AgriTech อย่างมั่นใจ เพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพ รวมถึงลดต้นทุน ด้วยหลักการทำเกษตรแบบแม่นยำ (precision farming) โดยร่วมมือกับ บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด สนับสนุนสมาร์ทดีไวซ์ เพื่อให้เกษตรกรไทยได้ใช้ควบคู่ไปกับโซลูชันการเกษตรอัจฉริยะ และเข้าถึงเทคโนโลยีโดรนและภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อนำข้อมูลมาบริหารจัดการพื้นที่ ทำให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนได้สูงสุดถึง 20%

ยังรวมไปถึงแรงงานฝีมือที่ทำงานใกล้ชิดกับซัมซุงในอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ อย่างช่างเครื่องปรับอากาศ โดยไทยซัมซุงได้พัฒนาโครงการ AC Installer Community ร่วมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน จัดทำคอร์สฝึกอบรมพัฒนาฝีมือแรงงานช่างเครื่องปรับอากาศ เพื่อพัฒนาศักยภาพและความสามารถ พร้อมยกระดับทักษะให้มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ตลอดจนส่งเสริมให้ช่างมีใบรับรองตามกฎหมาย เพื่อเพิ่มทรัพยากรบุคคลให้ตลาดที่กำลังขาดแคลนแรงงานที่มีความสามารถและทักษะในการปฏิบัติการ

รักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

นางสาวปารมีกล่าวด้วยว่า ซัมซุงเชื่อว่าแบรนด์จะต้องปรับเปลี่ยนการปฏิบัติการในทุกะดับ ตั้งแต่การผลิตจนถึงโครงการเชิงนโยบาย ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อลดผลกระทบต่อธรรมชาติและสร้างโลกที่ดียิ่งขึ้นให้กับคนรุ่นต่อไป

ซัมซุงเริ่มให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนมาตั้งแต่ปี 2535 ด้วยปฏิญญาด้านสิ่งแวดล้อม (Samsung Environmental Declaration) และรับเอาวิสัยทัศนะ Planet First มาใช้ในประเทศไทย และได้ต่อยอดให้เกิดเป็นรูปธรรม ตั้งแต่การผลิต ประสบการณ์การใช้ผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงการจัดการขยะอิเลคโทรนิคส์

“เราเริ่มต้นดูแลสิ่งแวดล้อมตั้งแต่กระบวนการผลิต โดยการลดปริมาณขยะพิษและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไทยอย่างเป็นระบบ เช่น โรงงานผลิตเตาอบของไทยซัมซุงเปลี่ยนวิธีการเคลือบผิวเครื่องใช้ไฟฟ้าจากการใช้สารเคมีประเภทกรดปริมาณมากในการเคลือบผิวด้านในของเตาอบ มาเป็นการใช้วิธี Low Temperature Coating ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีในกระบวนการนี้เลย (Zero Chemical Waste) อีกทั้งเปลี่ยนการใช้ทรัพยากรน้ำในการทดสอบการรั่วไหลของผลิตภัณฑ์ มาเป็นใช้ความดันลมแทน ทำให้ลดการสร้างปริมาณน้ำเสียลง”

นอกจากนั้นยังสร้างบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยหันมาใช้วัสดุกระดาษหรือวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ ในการผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์แทนการใช้พลาสติก ครอบคลุมตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ไปจนถึงกล่องบรรจุภัณฑ์อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น บรรจุภัณฑ์ของ Galaxy S21 Series 5G มีส่วนประกอบของพลาสติกอยู่เพียง 4% และใช้กระดาษเพียง 58% เมื่อเปรียบเทียบกับ Galaxy S7 ส่งผลให้ปริมาณการตัดต้นไม้ลดลงถึง 44,802 ต้นต่อปี นอกจากนี้ซัมซุงยังออกแบบบรรจุภัณฑ์ทีวีแบบ Eco Packaging เป็นพิเศษเพื่อการรียูส (reuse) ให้ผู้ซื้อได้มีส่วนร่วมในการักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยการนำบรรจุภัณฑ์มาทำเป็นของใช้ภายในบ้านได้หลากหลายรูปแบบ

ความมุ่งมั่นของไทยซัมซุงต่อการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมยังเห็นได้จาก การส่งเสริมการกำจัดขยะอิเลคโทรนิคส์อย่างถูกต้องเพื่อลดมลพิษและสารพิษ ผ่านแคมเปญ “เก่าแลกใหม่” เปิดโอกาสให้นำสมาร์ทโฟนเครื่องเก่าไม่จำกัดแบรนด์มารับส่วนลดเพื่อซื้อเครื่องใหม่ได้ โดยไม่มีข้อจำกัดด้านสภาพเครื่อง นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับ AIS ทำโครงการ “คนไทย ไร้ E-Waste” ชวนคนไทยทิ้งขยะอิเลคโทรนิคส์ที่ถังขยะ E-Waste ณ ซัมซุงสโตร์ โดยโครงการนี้สามารถนำขยะอิเลคโทรนิคส์ไปกำจัดอย่างถูกวิธีแล้วมากกว่า 2 แสนชิ้น

ซัมซุงเชื่อมั่นว่าพลังของนวัตกรรมเทคโนโลยีผสานกับศักยภาพของคนในสังคมไทยสามารถเปลี่ยนปัจจุบันและอนาคตให้ดีกว่าเดิมได้