นาฬิกาจากขยะทะเล 2 องค์กรผนึกแนวคิดรักษ์สิ่งแวดล้อม

ขยะทะเลเป็นหนึ่งในปัญหาสิ่งแวดล้อมสำคัญระดับโลก ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศจนเกิดการปนเปื้อน ทำให้สัตว์ทะเลตาย หรือสูญพันธุ์ ทั้งยังทำให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคอาหารทะเลด้วย

โดยจากข้อมูลของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเมื่อปี 2563 ระบุว่า ประเทศไทยมีปริมาณขยะในทะเลมากเป็นลำดับที่ 10 ของโลก ขยะส่วนใหญ่เป็นขยะพลาสติกคิดเป็น 12%, กล่องโฟม 10%, ห่ออาหาร 8%, ถุงก๊อบแก๊บ 8%, ขวดแก้ว 7%, ขวดพลาสติก 7% และหลอด 5%

นอกจากนั้น ภายใต้ท้องทะเลไทยยังมีเศษซากขยะลอยติดอวนเฉลี่ย 25,741 ชิ้นต่อวัน น้ำหนักรวม 398 กิโลกรัมต่อวัน คิดเป็น 9,395,465 ชิ้น หรือเท่ากับ 145 ตันต่อปี โดยประเภทขยะที่พบมากที่สุดคือ พลาสติกแผ่นบางร้อยละ 62 อันดับที่สอง ได้แก่ พลาสติกแข็งร้อยละ 15 และวัสดุผ้าและไฟเบอร์ร้อยละ 10

ด้วยเหตุนี้ บริษัท ศรีทองพาณิชย์ จำกัด ผู้นำเข้านาฬิกาชั้นนำ จึงจับมือกับมอนเดน (Mondaine) บริษัทแม่ของแบรนด์ลูมิน็อกซ์ นาฬิกาสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ และไทด์โอเชียนแมทีเรียล (#tide) องค์กรสิ่งแวดล้อมจากสวิตเซอร์แลนด์ในการผลิตนาฬิกา “ลูมิน็อกซ์ แบร์ กริลส์ เซอร์ไววัล อีโค มาสเตอร์ #TIDE โครโนกราฟ 3740” ที่ผลิตจากขยะพลาสติกในทะเล ซึ่งเป็นการอัพไซคลิ่ง (upcycling) ด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ขยะ และกระตุ้นความตระหนักในสังคมให้ช่วยกันลดขยะในท้องทะเล

“วิภาวรรณ มหาดำรงค์กุล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีทองพาณิชย์ จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายนาฬิกาลูมิน็อกซ์ (Luminox) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 4 ปีผ่านมา บริษัทมีนโยบายในการใส่ใจสิ่งแวดล้อม และคืนสิ่งดี ๆ กลับสู่ธรรมชาติ

โดยมีการนำเข้านาฬิกาพิเศษหลากหลายรุ่นที่มีส่วนช่วยเหลือสิ่งแวดล้อม รวมทั้งยังนำรายได้ส่วนหนึ่งมาช่วยเหลือกรมทรัพยากรทะเลและชายฝั่ง และกระตุ้นแนวคิดช่วยเหลือสังคม เช่น ลูมิน็อกซ์ รุ่น SEA Turtle ที่มีวัตถุประสงค์ร่วมอนุรักษ์เต่าทะเล

“โดยได้ร่วมบริจาคเงินส่วนหนึ่งจากการขายนาฬิกาให้กับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ภาคใต้) เพื่อซื้อเครื่องมือแพทย์ที่ใช้สำหรับรักษาปลาทะเล และสัตว์ทะเลหายาก รวมถึงการทำอวัยวะเทียมให้เต่าทะเลที่บาดเจ็บ เช่น ขาเทียม, คางเทียม”

ส่วนปี 2565 เราร่วมกับบริษัท มอนเดน ที่มีจุดยืนสานต่อนโยบายความยั่งยืน (sustainability) ด้านแก้วิกฤตปัญหาขยะทะเล ผ่านการเปิดตัวนาฬิกาลูมิน็อกซ์ แบร์ กริลส์ เซอร์ไววัล อีโค มาสเตอร์ #TIDE โครโนกราฟ 3740 ที่ตัวเรือนและสายผลิตจากขยะพลาสติกในท้องทะเล

ซึ่งได้รับความร่วมมือในการเก็บขยะพลาสติกในท้องทะเลไทยฝั่งอันดามัน เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบจาก #tide องค์กรอนุรักษ์ท้องทะเลจากสวิตเซอร์แลนด์ที่มีสำนักงานในไทย โดยนำขยะพลาสติก เช่น ขวดน้ำไปผ่านกระบวนทำความสะอาด และย่อยสลายเป็นเกล็ดพลาสติก เพื่อนำไปใช้ในการสร้างนาฬิกาใหม่

“นอกจากนั้น ศรีทองพาณิชย์จะนำรายได้จากการจำหน่ายส่วนหนึ่งนำเข้าสมทบทุนของกรมทรัพยากรทะเลและชายฝั่ง เพื่อนำไปช่วยเหลือโครงการสัตว์ทะเลหายาก และทรัพยากรทางทะเลที่ได้รับผลกระทบจากขยะทางทะเล เพื่อรักษาสัตว์ที่บาดเจ็บ และปล่อยกลับสู่ท้องทะเลเมื่อหายดีด้วย”

“นีล โมลเลอร์” CEO บริษัท มอนเดน กล่าวเสริมว่า บริษัทมีความมุ่งมั่นทำให้อุตสาหกรรมนาฬิกาก้าวสู่ความยั่งยืน โดยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์ บริษัทจึงออกแบบ และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ตามแนวคิดอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะท้องทะเลมากยิ่งขึ้น

“ในครั้งนี้เรายังได้นักผจญภัยผู้เอาชีวิตรอด และนักสิ่งแวดล้อมที่ใคร ๆ ก็รู้จัก อย่างแบร์ กริลส์ มาร่วมออกแบบนาฬิกาลูมิน็อกซ์ แบร์ กริลส์ เซอร์ไววัล อีโค มาสเตอร์ #TIDE โครโนกราฟ 3740 ซึ่งเขาเป็นผู้ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ โดยนาฬิการุ่นนี้เป็นแบบโครโนกราฟมี 3 สี คือ เหลือง, เขียว และน้ำเงินที่สื่อถึงธรรมชาติ ทั้งยังสามารถช่วยลดปัญหาขยะพลาสติกในท้องทะเล”

“ดร.มิเชล ปาดอส” ผู้จัดการทั่วไป องค์กรไทด์โอเชียนแมทีเรียล กล่าวว่า #tide เป็นบริษัทจัดหาวัตถุดิบรีไซเคิล ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ โดยกระจายทำภารกิจไปทั่วโลก เพื่อกำจัดมลพิษทางน้ำ และสร้างชีวิตใหม่ให้ขยะพลาสติก เรามีโซลูชั่นเปลี่ยนขยะในทะเลให้เป็นวัตถุดิบระดับพรีเมี่ยมที่แบรนด์ต่าง ๆ ใช้สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ยั่งยืน

“นอกจากนั้น เรายังร่วมมือกับองค์กรเพื่อสังคม และอบรมชาวประมงท้องถิ่นให้ร่วมกันช่วยเก็บขยะในทะเลมาคัดแยก โดยจ่ายค่าตอบแทนอย่างเป็นธรรม และปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมระดับสูง ซึ่งเรามีศูนย์เก็บขยะอยู่ที่ จ.ระนอง ครอบคลุม 5 เกาะในทะเลอันดามัน ที่สำคัญ เรายังมีการเก็บขยะจากทะเลทั่วโลกด้วย แต่เน้นขยะในท้องทะเลไทย ซึ่งเราส่งออกมากที่สุด กว่า 90%”

“สำหรับรายได้ของ #tide ถูกนำไปสร้างประโยชน์แก่พื้นที่ชายฝั่งทะเลที่ได้รับผลกระทบ ดังนั้น #tide ไม่ได้เป็นเพียงซัพพลายเออร์วัสดุของพลาสติกอัพไซเคิล แต่ยังเป็นองค์กรที่มุ่งสร้างความยั่งยืน และความโปร่งใสทางสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย”

“ผอ.สุเทพ เจือละออง” ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งตะวันออก กล่าวว่า ไทยมีขยะในทะเลปีละประมาณ 1 ล้านตัน แต่ขยะที่เกิดจากในไทยจริง ๆ คือ 3-5 หมื่นตันต่อปีเท่านั้น ส่วนที่เหลือลอยตามกระแสน้ำ ข้ามประเทศข้ามทวีปมา ซึ่งขยะในทะเลเป็นหนึ่งในปัญหาสิ่งแวดล้อมสำคัญระดับโลก และเป็นวิกฤตข้ามพรมแดน

“ขยะในทะเลส่งผลกระทบของชีวิตสัตว์น้ำ โดยเฉพาะเต่าทะเลซึ่งเป็นสัตว์ทะเลหายากที่มักเกยตื้น ยกตัวอย่างในจังหวัดระยอง, จันทบุรี และตราด มีไม่ต่ำกว่า 300 ร้อยตัวต่อปี และตาย 150 ตัวต่อปี ซึ่งการที่บริษัท ศรีทองพาณิชย์ เปิดตัวนาฬิกาลูมิน็อกซ์ แบร์ กริลส์ฯ รุ่นนี้จะช่วยสร้างความตระหนัก ถึงการช่วยกันลดปัญหาขยะทะเล ที่ส่งผลต่อการทำลายสัตว์ทะเลหายากที่เสียชีวิตปีละหลายร้อยตัวได้”

นับว่าความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ให้คนหันมาสนใจการอนุรักษ์ธรรมชาติ และใส่ใจกับการลดขยะในทะเล ที่นับวันจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นหลายล้านตันต่อปีเพราะความมักง่ายของมนุษย์