จากการประเมินขององค์การเพื่อความร่วมมือ และการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ระบุว่าอีก 10 ปีข้างหน้า ประมาณ 14% ของแรงงานมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกทดแทนด้วยระบบอัตโนมัติ และอีก 30% ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงด้านทักษะในการทำงานอย่างมาก นอกจากนี้ หลายประเทศทั่วโลกต่างกำลังประสบปัญหาการสร้างทรัพยากรมนุษย์ให้มีทักษะสอดรับกับการทำงานยุคเทคโนโลยีด้วย
ด้วยเหตุนี้ สถาบันเสริมศึกษาและทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) จึงร่วมกับบริษัทจัดหางาน Jobbkk.com และบริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) จัดงานเสวนาในหัวข้อ “The Future Skillset of 2022 and Beyond ทิศทางชุดทักษะแห่งอนาคต เพื่อก้าวไปข้างหน้ากับ มธ. และระบบเรียนรู้ออนไลน์ TU NEXT” เพื่อให้ผู้บริหาร และคนทำงานที่มีไฟในการพัฒนาตัวเอง รู้ถึงทิศทาง และแนวทางการปรับตัวเพื่อตลาดแรงงานในอนาคต
- ด่วน ! วอยซ์ ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
“รศ.เกศินี วิฑูรชาติ” อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ตลาดแรงงานโลกกำลังเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ คนจำนวนมากจะไม่มีงานทำ และงานจำนวนมากจะไม่มีคนทำ เนื่องจากขาดทักษะที่จำเป็น และมีทักษะที่ไม่สอดรับกับความต้องการของผู้ว่าจ้าง
นอกจากนั้น ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจะทำให้อีก 5 ปีข้างหน้า งานจำนวน 85 ล้านตำแหน่งจะหายไป และจะมีตำแหน่งงานใหม่เกิดขึ้นราว 97 ล้านตำแหน่ง
ดังนั้น เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว มธ.จึงพัฒนา TU NEXT e-Learning platform ระบบเรียนออนไลน์ที่ดูแลโดยสถาบันเสริมศึกษาและทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของ มธ. โดยตั้งเป้าพัฒนาและเผยแพร่องค์ความรู้ด้านทรัพยากรมนุษย์ผ่านงานวิจัย และวิชาการ
จัดกิจกรรมบริการวิชาการสู่สังคม และชุมชน สร้างโอกาสทางการศึกษา และการเรียนรู้ตลอดชีวิต บนรากฐานของสังคมแห่งการเรียนรู้ ตลอดจนพัฒนาบุคลากรของมหาวิทยาลัยตามที่ได้รับมอบหมาย
หลักสูตรที่มีบรรจุอยู่ใน TU NEXT ถูกออกแบบเพื่อให้คนรักการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารระดับสูง หรือคนรุ่นใหม่upskill & reskill ในทักษะที่จำเป็นตลอดเวลา ขณะเดียวกัน ยังสร้างเครือข่ายระหว่างภาครัฐ และเอกชนให้เกิดการบูรณาการ ส่งเสริมการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์ได้หลากหลาย โดยอยู่ภายใต้กรอบแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ.2566-2570)
TU NEXT จึงถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การบริหารงานของมหาวิทยาลัยในการพัฒนารูปแบบ ความร่วมมือแห่งอนาคต (future collaboration) ที่ดึงภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาหลักสูตรมาร่วมดำเนินโครงการเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างมหาวิทยาลัย และภาคเอกชนพัฒนาแพลตฟอร์มการเรียนรู้ของประเทศไทยเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการให้บริการดิจิทัล
“ทัศไนย เหมือนเสน” ผู้ก่อตั้ง Jobbkk.com กล่าวเสริมว่าตลาดแรงงานกำลังเกิด 4 เทรนด์สำคัญ ได้แก่ หนึ่ง การเติบโตของงานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัล สอง ความสำคัญของ soft skill ที่เทียบเท่ากับ hard skill สาม ความสำคัญของงานที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า และสี่ การตระหนักว่าไม่มีทักษะใดเป็นที่ต้องการตลอดไป ดังนั้น ลูกจ้าง และนายจ้างจำเป็นต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
โลกของเรากำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการดิสรัปต์โดยเทคโนโลยีดิจิทัล (digital disruption) เทรนด์สังคมผู้สูงอายุ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก อิทธิพลของโซเชียลมีเดียและบิ๊กดาต้า จึงทำให้บุคลากร รวมถึงองค์กรต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด พร้อมรับมือกับรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไป
ขณะเดียวกันคนทำงานรุ่นใหม่ต้องมี meta skill ซึ่งคือการสร้างทัศนคติที่พร้อมจะเรียนรู้ แก้ไข พัฒนาจากสิ่งเดิมไปสู่สิ่งใหม่ที่ท้าทาย อันครอบคลุมถึงการสร้างทัศนคติแบบ growth mindset มีความพร้อมที่จะเติบโต กระตือรือร้น และพร้อมจะพัฒนาให้เกิดการเรียนรู้แบบตลอดชีวิต (lifelong learning) เพื่อปรับตัวรับกับเทรนด์เกิดใหม่
“ทัศไนย” ยังกล่าวถึงทักษะแห่งอนาคตอันเป็นที่ต้องการในยุคดิจิทัลทางด้าน hard skill ว่ามีหลักสำคัญอยู่ 5 ประการ
หนึ่ง ทักษะความรู้การทำงานด้านบล็อกเชน (blockchain) ซึ่งเป็นทักษะที่บริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกต้องการเป็นอันดับหนึ่ง เพราะบล็อกเชนเป็นหนึ่งในทักษะที่สามารถต่อยอดธุรกิจในหลาย ๆ ด้าน
สอง คลาวด์คอมพิวติ้ง (cloud computing) เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่ใช้งานบนอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันถูกจัดเก็บข้อมูล และแพลตฟอร์มไว้บนคลาวด์
สาม ดาต้าอะนาไลติก (data analytic) เป็นทักษะการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทักษะสำคัญที่จะช่วยการทำงานทุกแขนง
สี่ ปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence : AI) โดยปัจจุบันถูกนำมาใช้งานหลากหลายด้าน ดังนั้น มนุษย์ต้องรู้เท่าทัน AI ถึงจะทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ห้า UX/UI (user experience และ user interface) ทักษะออกแบบสร้างสรรค์เว็บไซต์ และแอปพลิเคชั่น
“บุญเลิศ นราไท” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เออาร์ไอพี กล่าวว่าความรู้มีวันหมดอายุ ดังนั้น เพื่อปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง ลูกจ้าง, นายจ้างต้องไม่หยุด upskill และ reskill โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความก้าวหน้าของเทคโนโลยี 5G/6G
ทำให้เกิด zero latency หรือการไร้ความหน่วงในการรับส่งข้อมูล ส่งผลให้นวัตกรรมแห่งอนาคตที่เคยเป็นเรื่องไกลตัวเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้น เช่น รถยนต์อัตโนมัติ, ระบบสายพานผลิตอัตโนมัติ หรือการขนส่งโดยใช้โดรน
ดังนั้น งานหลาย ๆ ตำแหน่งอาจถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี โดยเฉพาะงานที่เป็นกิจวัตร เมื่อความรู้ที่ลูกจ้าง และนายจ้างมีในปัจจุบันกำลังจะหมดอายุ การ upskill และ reskill จึงจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายจ้างที่ต้องปรับองค์กรให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลง
และตระหนักถึงความสำคัญในการเสริมทักษะใหม่ที่จำเป็นให้กับพนักงาน เพื่อพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน ส่วนลูกจ้างเองต้องตระหนักถึงทักษะที่จำเป็นในการทำงานในอนาคต พัฒนาตนเองให้มีทักษะดังกล่าว เพื่อให้เป็นที่ต้องการในตลาดแรงงาน
สำหรับ soft skill ทักษะที่จะจำเป็นสำหรับการทำงานในอนาคต ได้แก่ ความสามารถในการจัดการปัญหาบนฐานการคิด(thinking-based solution), ความฉลาดรู้ทางสารสนเทศ (information literacy), ความฉลาดรู้ทางดิจิทัล (digital literacy), ความสามารถในการมีอิทธิพลต่อความคิด (influencing and leading to goals)
“ดร.สุรพิชย์ พรหมสิทธิ์” ผู้อำนวยการสถาบันเสริมศึกษาและทรัพยากรมนุษย์ กล่าวว่าด้วยสถาบันเสริมศึกษาและทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตระหนักถึงความสำคัญในการ upskill และ reskill ทรัพยากรบุคคลของประเทศ จึงได้พัฒนา TU NEXT e-Learning platform แพลตฟอร์มการเรียนรู้รูปแบบดิจิทัลที่เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้ามาเพิ่มเติมความรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา
“ทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนในเรื่องที่ตนเองสนใจ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้เรียนคนอื่น ๆ เพื่อสร้างเครือข่าย มีระบบวัดผลที่มีประสิทธิภาพสามารถขอดาวน์โหลดประกาศนียบัตรในนามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU Certificate) ได้ เมื่อเรียนจบ และสอบผ่านตามเงื่อนไข”