เทศกาลตรุษจีน 2567 วันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว ตรงกับวันไหน ของไหว้เทพเจ้า บรรพบุรุษต้องใช้อะไรบ้าง และข้อห้ามที่ไม่ควรทำในวันขึ้นปีใหม่
“ตรุษจีน“ ถือเป็นเทศกาลสําคัญของทั้งคนจีนแผ่นดินใหญ่ คนไทยเชื้อสายจีน และคนจีนทั่วโลก “สำนักงานราชบัณฑิตยสภา” ระบุว่า “ตรุษ” หมายถึง เทศกาลเนื่องในการสิ้นปี ซึ่งกำหนดตามจันทรคติ ตรงกับวันแรม 15 ค่ำ เดือน 4
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
คำว่า ตรุษ มาจากภาษาสันสกฤต แปลว่า แตก ขาด หรือ ทำให้ขาด จึงหมายถึงการตัดขาดจากปีเก่าเพื่อเข้าสู่ปีใหม่ โดยปัจจุบัน คำว่า ตรุษ อาจใช้ในความหมายว่า เทศกาล หรือช่วงเวลาที่กำหนดไว้เพื่อการรื่นเริงตามประเพณี เช่น ตรุษจีนเป็นเทศกาลฉลองวันขึ้นปีใหม่ของจีน เป็นต้น
เทศกาลตรุษจีน ได้ถือเอาความหมายของวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ เป็นวันเริ่มต้นปีใหม่ ช่วงนี้พืชพรรณเริ่มผลิดอกออกใบ อากาศกำลังมีความสดชื่น ไม่หนาวหรือร้อนจนเกินไป เหมาะสำหรับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ คนจีนจึงถือเอาวันนี้เริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ หรือที่เรียกกันว่า “วันชิวอิก” ซึ่งจะอยู่ในช่วงระหว่างเดือนมกราคม หรือเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี โดยเทศกาลตรุษจีน แบ่งออกเป็น 3 วัน ได้แก่
“วันจ่าย” หรือ วันก่อนสิ้นปี ซึ่งตรงกับวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นวันแรกของเทศกาลตรุษจีน สมาชิกในครอบครัวจะไปจับจ่ายซื้อของ ตลอดจนวัตถุดิบต่าง ๆ เพื่อนำมาประกอบพิธีไหว้เทพเจ้าและบรรพบุรุษในวันถัดไป
“วันไหว้” หรือ วันสิ้นปี ซึ่งตรงกับวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นวันที่ลูกหลานและสมาชิกในครอบครัวรวมตัวกันไหว้เทพเจ้า รวมถึงไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว
“วันเที่ยว” หรือ วันขึ้นปีใหม่ (วันชิวอิก) ซึ่งตรงกับวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นวันที่ทุกคนจะออกไปเที่ยว ถือโอกาสเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ ซึ่งวันเที่ยวก็จะมาพร้อมเคล็ดหรือข้อห้ามต่าง ๆ ที่เชื่อกันว่าไม่ควรทำในวันนี้ ประกอบไปด้วย
- ห้ามทํางานบ้าน ห้ามปัดกวาดเช็ดถูบ้าน เนื่องจากจะถือเป็นการปัดไล่ความโชคดีออกไป ดังนั้นควรทําความสะอาดบ้านก่อนที่วันปีใหม่
- ห้ามสระผม เพราะการสระผมเป็นการชะล้างความโชคดี เช่นเดียวกับการทําความสะอาด
- หลีกเลี่ยงการใช้ของมีคม ไม่ว่าจะเป็นกรรไกร มีด ที่ตัดเล็บ เพราะเชื่อกันว่าเป็นการตัดสิ่งที่ดี หรืออนาคตที่ดีออกไป
- หลีกเลี่ยงการทะเลาะวิวาท ไม่พูดคําหยาบ หรือคำที่มีความหมายในทางลบ เช่น การเจ็บไข้ได้ป่วย หรือความเป็นความตาย
- ห้ามซุ่มซ่าม หรือทําสิ่งของตกแตก ถือเป็นการทําให้หน้าที่การงานสะดุด หรือนําความโชคร้ายมาในอนาคต
- ห้ามใส่เสื้อผ้าชุดเก่า ต้องใส่เสื้อผ้าชุดใหม่เป็นสีแดงซึ่งเป็นสีมงคล
สำหรับของไหว้ที่ใช้ในเทศกาลตรุษจีนมีด้วยกันหลากหลาย ประกอบด้วย อุปกรณ์ต่าง ๆ อาหาร ขนม และผลไม้ ซึ่งล้วนเป็นของที่มีความหมายมงคลทั้งสิ้น
อุปกรณ์ไหว้วันตรุษจีน
- เทียนแดงขาไม้ จํานวน 1 คู่ เพื่อบูชาเทพเจ้าและบรรพบุรุษ
- ธูป 5 ดอก สําหรับไหว้เทพเจ้า, 3 ดอก สำหรับบรรพบุรุษที่เสียชีวิตนานแล้ว และ 1 ดอก สำหรับบรรพบุรุษที่เพิ่งเสียชีวิต
- ประทัด ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและสิ่งอัปมงคลให้ออกไป
- กระดาษเงินกระดาษทอง หรือ “อ่วงแซจิ่ว” เป็นกระดาษสีเหลืองเขียนด้วยตัวอักษรจีนสีแดง เป็นใบเบิกทางไปสู่สวรรค์ ดังนั้น ต้องเผาเป็นอันดับแรก
- แบงก์กงเต็ก
- กิมเตี๊ยว แท่งทองที่ใช้ไหว้บรรพบุรุษ
อาหารไหว้ตรุษจีน
- สามารถแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ “ซาแซ” และ “โหงวแซ”
- ซาแซ คือการไหว้ 3 อย่าง ประกอบด้วย หมู ไก่ และเป็ด
- โหงวแซ คือการไหว้ 5 อย่าง ประกอบด้วย หมู ไก่ เป็ด ปลา และตับ
- เครื่องดื่ม น้ำชาหรือเหล้า จํานวน 5 จอก หรือ 5 ถ้วย
ขนมไหว้ตรุษจีน
- ต้องจัดจํานวนให้ตามของของคาวที่ไหว้ ซาแซ จะจัดขนมไหว้ 3 อย่าง และโหงวแซ จะจัดขนมไหว้ 5 อย่าง
- ขนมเข่ง และ ขนมเทียน หมายถึง ชีวิตราบรื่น
- ซาลาเปา หมายถึง การห่อโชคห่อลาภ
- ขนมไข่ หมายถึง การเจริญเติบโต
- ขนมสาลี่ และ ขนมถ้วยฟู หมายถึง ความเจริญรุ่งเรื่อ
- จันอับ หรือ ขนมแห้ง 5 อย่าง ได้แก่ ถั่วเคลือบ ถั่วตัด งาตัด ข้าวพอง และฟักเชื่อม หมายถึง ความหวานที่เพิ่มพูน ความเจริญงอกงาม มีความสุขตลอดปี
ผลไม้ไหว้ตรุษจีน
- ส่วนใหญ่จะเตรียม 5 อย่าง ที่มีความหมายมงคล
- ส้ม หมายถึง โชคลาภ
- กล้วย หมายถึง กวักโชคกวักลาภเข้ามา, ลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง
- องุ่น หมายถึง ความเจริญงอกงาม
- สับปะรด หมายถึง เรียกโชคลาภเข้าตัว
- สาลี่ หมายถึง ความราบรื่น และสิ่งที่ดีงามมาถึง
- แอปเปิล หมายถึง ความสงบสุข สันติสุข
ข้อมูลจาก
- วันตรุษจีน : เราควรรู้อะไรบ้าง
- ประเพณีการไหว้ในเทศกาลตรุษจีน : ที่มา ความหมาย และการเปลี่ยนแปลง
- สำนักงานราชบัณฑิตยสภา
เรื่องที่เกี่ยวข้อง