“สู่ขวัญ บูลกุล” ชีวิตไร้เป้าหมาย ได้ดีเพราะเต็มร้อยกับทุกหน้าที่

คนไทยคุ้นหน้า สู่ขวัญ บูลกุล เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วในบทบาทผู้ประกาศข่าวที่นั่งเล่าข่าวในรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” คู่กับสรยุทธ สุทัศนะจินดา ในตอนนั้นเธออายุ 30 กว่า ๆ มาถึงปีนี้ สู่ขวัญในวัย 45 ปี ก้าวขึ้นมาเป็นไอดอล เป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีอิทธิพลต่อสาว ๆ ทั้งวัยทำงานไล่ลงไปจนถึงวัยรุ่น

จากบทบาทล่าสุด การดำเนินรายการ “Celeb Blog” และส่งให้เธอได้รับเลือกเป็นแบรนด์ไอคอนของเครื่องสำอาง Lancome คนแรกของประเทศไทย

ชีวิตที่มี “ปีทอง” ในวัย 45 แม้ไม่ได้ตั้งเป้าพาตัวเองมาสู่จุดนี้ แต่จะว่าเป็นเรื่องฟลุกเรื่องดวงก็ไม่ใช่ เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุมีผล เพราะมีวันนั้น…จึงมีวันนี้ เพราะทำอย่างนั้น…จึงเป็นอย่างนี้

เพียงแค่ถามถึงการปรับบทบาทไปทำอะไรหลาย ๆ อย่าง สู่ขวัญ ซึ่งแทนตัวเองว่า “พี่ขวัญ” ก็อธิบายว่า “พี่คิดว่ามันไม่ใช่การตั้งใจปรับบทบาท พี่แค่เอ็นจอยในสิ่งที่พี่ไม่เคยทำ พี่คิดตั้งแต่ตอนอายุ 40 ว่ามันเป็นไปได้ว่าเราเดินทางมาครึ่งหนึ่งของชีวิตแล้ว พี่รู้สึกว่า 40 ปีแรกพี่ทำทุกสิ่งที่ควรจะต้องทำ ควรจะต้องเรียนหนังสือ ควรจะต้องทำงาน ควรจะต้องขยัน ควรจะต้องอดทน ควรจะต้องขวนขวาย แล้วพี่ก็พบว่าผลจากการที่พี่ทำทุกอย่างที่ควรต้องทำ มันทำให้ครึ่งหลังของชีวิตพี่มีสิทธิ์จะเลือกทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ พี่มองชีวิตเป็นเรื่องสนุกมากกว่าจะมารู้สึกว่า ชีวิตยากเย็นแสนเข็ญ พี่รู้สึกว่า เรามีอิสระที่จะเลือกใช้ชีวิตอย่างที่เราต้องการได้ มันเป็นผลมาจากช่วงครึ่งแรกที่เราทำมันเต็มที่แล้ว”

เธอบอกว่า สิ่งที่เลือกทำต้องเป็น 1.สิ่งที่ไม่เคยทำ 2.สิ่งที่รู้สึกเห็นคุณค่าของมันจริง ๆ หรืออย่างน้อยเป็นสิ่งที่คิดว่าน่าสนุกก็อาจจะลองทำดู

“พี่ให้ความสำคัญกับวันเวลา เพราะฉะนั้นพี่เริ่มเลือกสิ่งที่จะเข้ามาในชีวิต อะไรที่รู้สึกว่ามันมีความหมายในชีวิต ก็จะทำ ได้เงินหรือไม่ ไม่สนใจ พี่ตอบสนองสิ่งที่เข้ามาในชีวิต ถ้ามีสิ่งแปลกใหม่เข้ามา พี่จะเปิดประตูต้อนรับเลย เพราะพี่คิดว่าเราเหลือเวลาแค่นี้ เราอยากเรียนรู้ รู้จัก และเข้าใจสิ่งที่มันมีอยู่บนโลกให้มากที่สุด”

สำหรับการทำรายการ Celeb Blog ที่เป็นที่นิยมขึ้นมานั้น สู่ขวัญบอกว่า เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำเพราะรู้สึกสนุก รายการนี้ไม่ได้เกิดจากการคิดด้านมาร์เก็ตติ้ง ไม่มีการวิเคราะห์กลุ่มคนดู หรือวิเคราะห์อะไรเลย แค่ทำสิ่งที่สนุก แล้วบังเอิญคนดูสนุกด้วย

Advertisment

“อันนั้นก็ดี อันนี้ก็น่ารัก” และ “ของมันต้องมี” เป็นถ้อยคำที่ได้ยินบ่อย ๆ ในรายการ Celeb Blog ที่เธอพาคนดูไปเลือกซื้อของ

ในเมื่อของหลาย ๆ อย่างล้วนดูดี ดูน่ารัก ถามว่าในชีวิตจริงห้ามใจตัวเองมากน้อยแค่ไหน มีเหตุผลอะไรบ้างที่ทำให้ห้ามใจได้ เจ้าของคำพูดสุดฮิต “ของมันต้องมี” บอกว่า

Advertisment

“มันมีของมากมายเลยค่ะที่อยากได้ แต่มันแพงไป เราซื้อไม่ไหวเยอะมาก พี่ขวัญว่าคนในโลกนี้ที่สามารถซื้อทุกอย่างที่ต้องการได้มีอยู่นิดเดียว สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว หนึ่ง-อาจจะชอบแต่แพงไป สอง-ไม่เหมาะกับเรา สาม-ซื้อแล้วไม่รู้จะเอาไปใช้อะไร สี่-เรามีอยู่แล้ว เราต้องการจะมีอีก พี่ขวัญก็เป็นหนึ่งในหลาย ๆ คน ที่ถามว่ามีทุกอย่างที่ตัวเองต้องการมั้ย ไม่เลย… (ลากเสียงยาว)”

ชีวิตที่ผ่านมาหลาย ๆ บทบาท ตั้งแต่เป็นนักข่าว เป็นผู้ประกาศ เป็นภรรยานักธุรกิจ (โชค บูลกุล) เป็นแม่ของลูกชาย แสดงหนัง-ซีรีส์ ดำเนินรายการช้อปปิ้ง พ่วงความเป็นไอดอลของสาว ๆ สู่ขวัญบอกว่า ทุกช่วงเวลาของทุกคนมีคุณค่ามากเสมอถ้ารู้จักเรียนรู้จากมัน

“มีช่วงเวลาไหนพิเศษกว่าอะไรมั้ย ไม่มีและอย่าคิด เพราะว่าการที่เราเรียนรู้ทุกอย่างที่ผ่านมา มันทำให้เราเป็นเราในทุกวันนี้ ถ้าสัก 1 ปีใน 45 ปีของพี่มันไม่เป็นแบบนั้น พี่ก็คงไม่เป็นแบบนี้

ในวันนี้พี่เห็นคุณค่าของทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ที่ผ่านมา ชีวิตพี่ไม่ได้ดีไปหมด เก่งไปหมด พี่ขวัญเริ่มต้นชีวิตนักข่าวจากการติดลบ 100 แล้วค่อย ๆ พยายาม การที่เราพยายามมันทำให้เราก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ ชีวิตที่ผ่านมา พี่ขวัญว่ามันมีทุกอย่าง มีวันที่ได้ดั่งใจ มีวันที่ไม่ได้ดั่งใจ มีวันที่หัวเราะ พี่เก็บเกี่ยวทุกอย่างเข้ามา เรียนรู้ สอนตัวเอง เข้าใจคนที่อยู่รอบข้าง เข้าใจโลกนี้มากขึ้น จนมันทำให้พี่เป็นพี่ในวันนี้ พี่รู้สึกว่า โลกนี้ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี มันคือสีสัน การที่เรามีโอกาสผ่านความสำเร็จ ความผิดหวัง ความทุกข์ ความสุข มันจะทำให้เรารู้จักชีวิตได้ชัดเจนมากขึ้น วันหนึ่งที่เราผ่านทุกอย่างมาแล้ว เรามองย้อนกลับไป เราจะดีใจที่ในชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มันผ่านเรื่องราวทำให้เราได้เรียนรู้และเข้าใจ และที่สำคัญกว่านั้น มันจะถึงจุดที่เราสามารถถ่ายทอดไปถึงคนที่อายุน้อย ๆ ได้ว่า ชีวิตมันเป็นแบบนี้แหละ ก็ขอให้อดทน พยายาม ตั้งใจ และผ่านทุกอย่างไปให้ได้”

นอกจากเริ่มต้นทำงานด้วยการติดลบ ย้อนกลับไปพูดถึงตอนวัยเรียน สู่ขวัญบอกว่า เธอเป็นคนไม่มีความฝัน ไม่มีเป้าหมายในชีวิต ไม่เคยรู้ว่าตัวเองอยากเป็นอะไร “เป็นคนไม่มีทิศทาง” คือคำที่เธอพูดเอง

บางคนอาจคิดว่าการไม่มีความฝัน การไม่มีคำตอบให้ตัวเอง ไม่มีคำตอบให้พ่อแม่ หรือตอบคำถามครูไม่ได้ว่า “อยากเป็นอะไร” นั้นเป็นปัญหา สู่ขวัญซึ่งเดินมาถึงจุดนี้อย่างไม่เคยมีความฝัน บอกว่า ไม่ใช่เรื่องต้องแปลกใจหรือตกใจ และไม่ต้องคิดว่าตัวเองห่วยกว่าคนอื่น ถ้าตอบตัวเองไม่ได้จริง ๆ ก็ไม่ต้องคิด แค่ทำหน้าที่ให้เต็มที่ที่สุดก็พอ

“คนชอบถามว่า มองตัวเองใน 5 ปี 10 ปีข้างหน้ายังไง พี่ขวัญว่าไม่ผิดและไม่แปลกถ้าเรามีโกลในชีวิต ก็ลุยเลย แต่มันไม่ใช่วิธีที่พี่ขวัญใช้ชีวิตเท่านั้นเอง สำหรับพี่ขวัญไม่ได้เป็นคนมีเป้าหมาย หรือฝันอะไรใหญ่โต เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำคือทำหน้าที่รับผิดชอบให้ดีที่สุด แล้วพี่ขวัญพบว่า การที่เราทำสิ่งที่ต้องทำให้ดีที่สุด ผลของมันพาเราไปไกลเกินกว่าที่เราจะจินตนาการถึงซะอีก เพราะฉะนั้น การที่วันนี้เราตอบตัวเองไม่ได้ว่าเรามีแพสชั่นเรื่องไหน ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวค่ะ ขอแค่วันนี้ ทำหน้าที่ให้มันดีที่สุดชนิดที่ว่าอีกสิบปียี่สิบปีหันกลับมามองก็ไม่รู้สึกเสียดาย พี่ขวัญมั่นใจว่าผลจากสิ่งที่เราทุ่มเทไป มันจะพาเราไปที่ที่มันเกินจินตนาการด้วยซ้ำ”

นอกจากสื่อสารไปถึงคนรุ่นหลังที่ติดตามและสนใจในตัวเธอแล้ว ในฐานะแม่ของลูกชายวัย 10 ขวบ เธอก็บอกลูกชายอย่างนี้เช่นกัน

“พี่และสามีไม่ใช่เด็กเรียนเก่ง เพราะฉะนั้นเรามีความรู้สึกว่า ชีวิตคนเรามันจะไปถึงจุดที่พอใจกับตัวเองได้ มันไม่ถูกจำกัดเฉพาะคนที่เรียนเก่งเท่านั้น การเรียนเก่งไม่ใช่คำตอบทั้งหมดในชีวิต แต่ว่าการที่เราสามารถคิดหาเหตุผลของตัวเองได้ สำคัญมากกว่า พี่ไม่กดดันลูก แต่พี่ต้องการให้ลูกมีความรับผิดชอบ ลูกพี่เรียนตก ๆ หล่น ๆ บ้าง พี่บอกลูกว่าถ้าพยายามเต็มที่แล้ว ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น แต่ถ้าเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบ แม่รับไม่ได้ อนาคตอยากเป็นอะไร ไม่เคยตั้งเป้า ไม่เคยคาดหวัง ไม่เคยขีดเส้นทางให้เขาเลย พี่เป็นแค่คนสนับสนุนและคอยระวัง ถ้ามันมีอะไรที่อาจจะอันตรายกับเขา หรืออาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้เขาสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น พี่ก็จะเตือน”

อย่างที่สู่ขวัญบอกว่า “วันหนึ่งที่เราผ่านทุกอย่างมาแล้ว เรามองย้อนกลับไป เราจะดีใจที่ในชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ”

เราไม่รู้ว่าเส้นทางของเธอที่ว่าไม่ได้โรยกลีบกุหลาบนั้นเป็นทางที่ขรุขระมากน้อยแค่ไหน แต่เห็นชีวิตของเธอในปัจจุบันที่เพียบพร้อมทุกด้าน ก็น่าจะทำให้มองย้อนกลับไปอดีตได้อย่างมีความสุขมากจริง ๆ เพราะหากมีอะไรในอดีตที่ไม่เป็นอย่างที่เคยเป็น วันนี้ก็อาจจะไม่เป็นอย่างที่เป็นอยู่