เกษตรกรแท็กทีมขอบคุณ “เกษตรฯ” ฝังหมูเถื่อน หวังสาวถึงตัวบงการ

4 สมาคมเกษตรกรแท็กทีมขอบคุณ “เกษตรฯ” เดินหน้าปราบปราม “หมูเถื่อน” ต่อเนื่องและจริงจัง ล่าสุดฝังทำลายหมูเถื่อนของกลาง 723,786 กก. มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ตัดตอนวงจรหมูเถื่อนช่วยให้เกษตรกรมั่นใจเลี้ยงหมู ฝากความหวังเดินหน้าจับ “ผู้บงการ” ขบวนการนำเข้า

วันที่ 13 มกราคม 2566 นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า การติดตามการปราบปรามหมูเถื่อนอย่างใกล้ชิดของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่งผลให้กรมปศุสัตว์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องสามารถปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบ จับกุม และดำเนินคดีกับผู้กระทำได้อย่างคล่องตัว ผลงานการปราบปรามชัดเจนเป็นที่ประจักษ์ถึงกว่า 1 ล้านกิโลกรัม

ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้หมูอันตรายเหล่านี้ปะปนเข้าสู่ตลาด ทำลายกลไกราคาสุกรในประเทศ และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคระบาด ASF ลงได้อย่างมาก รวมถึงเป็นการปกป้องผู้บริโภคให้ปลอดภัยจากสารปนเปื้อนอันตรายในหมูเถื่อนด้วย

นายสุรชัย สุทธิธรรม
นายสุรชัย สุทธิธรรม

“ในนามเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูขอชื่นชมและขอบคุณท่านรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ ท่านอธิบดีกรมปศุสัตว์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ได้ประสานความร่วมมือกันจนนำไปสู่ความสำเร็จ และฝังทำลายหมูเถื่อนได้มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในครั้งนี้ ฝากความหวังให้ทุกภาคส่วนยังคงเดินหน้าปราบปรามต่อเนื่อง เชื่อว่าอีกไม่นานจะสามารถจับกุมผู้บงการและทำลายล้างขบวนการนี้ได้อย่างถอนรากถอนโคน” นายสุรชัยกล่าว

นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือกล่าวว่า การกำจัดขบวนการหมูเถื่อนที่กรมปศุสัตว์ดำเนินการอย่างเข้มข้น ส่งผลให้ราคาสุกรในประเทศเริ่มคงที่ นับเป็นภารกิจที่กระทรวงเกษตรฯ ให้การดูแลปกป้องเกษตรกรได้สำเร็จ ซึ่งต้องขอขอบคุณเป็นอย่างสูง สิ่งนี้ช่วยสร้างความมั่นใจให้เกษตรกรในภาคอีสานกล้าที่จะลงหมูเข้าเลี้ยง ลดความกังวลเกี่ยวกับราคาที่ตกต่ำลงในช่วงที่มีหมูเถื่อนระบาดอย่างหนัก รวมถึงความกังวลด้านโรคระบาดที่อาจติดมากับหมูเถื่อน

โดยขณะนี้สถานการณ์การเลี้ยงหมูในภาคอีสานมีผลผลิตแม่พันธุ์อยู่ในระดับ 70% แล้ว เมื่อมีแนวโน้มการจัดการที่ดีเช่นนี้คาดว่าปริมาณแม่พันธุ์จะเพิ่มเป็น 90% ได้ภายในสิ้นปีนี้ การกำจัดอุปสรรคด้านหมูเถื่อนที่เข้ามาเบียดเบียนตลาดหมูของเกษตรกรไทยนับว่าช่วยให้เกษตรกรเกิดกำลังใจในการเลี้ยงหมู แม้จะมีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจากวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่แพงขึ้นก็ตาม

นายสุนทราภรณ์ สิงห์เสรีวงศ์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือกล่าวว่า หมูเถื่อนที่จับกุมได้ตลอดปี 2565 มีมากถึงกว่า 1 ล้านกิโลกรัม ไม่รู้ว่าเข้ามายังราชอาณาจักรไทยมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร และส่วนใหญ่ขนส่งกันมาเป็นตู้คอนเทนเนอร์จากแดนไกล แถบอเมริกาใต้และยุโรป เช่น บราซิล เยอรมนี อิตาลี สามารถผ่านด่านศุลกากรเข้ามาได้ แสดงว่าผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังน่าจะมีอิทธิพลพอควรทีเดียว

ต้องชื่นชมการทำงานของกรมปศุสัตว์ และเจ้าหน้าที่ทุกท่านอย่างมากที่กล้ากวาดล้าง และรักษาไว้ซึ่งกฎหมายบ้านเมือง ปกป้องทั้งเกษตรกรและผู้บริโภคให้ปลอดภัยจากผลกระทบมากมายของหมูเถื่อน

ด้านนายปรีชา กิจถาวร นายกสมาคมการค้าผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ ระบุว่า ปัจจุบันสถานการณ์หมูเถื่อนในพื้นที่ลดลงพอสมควร ซึ่งต้องขอบคุณกรมปศุสัตว์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขณะนี้ชายแดนปีนังมาเลเซียกำลังเกิดการระบาดของโรค ASF การจับกุมหมูเถื่อนเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยป้องกันเชื้อดังกล่าว

ควบคู่ไปกับมาตรฐานการเลี้ยงหมูในพื้นที่ที่เน้นการป้องกันโรคอย่างรัดกุมมาโดยตลอด ขณะที่เกษตรกรมีความมั่นใจในการเลี้ยงหมูมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณสุกรในพื้นที่เพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์ดีที่ระดับ 80,000-90,000 แม่พันธุ์แล้ว

อนึ่ง ผลงานในปี 2565 ที่กรมปศุสัตว์ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และกรมศุลกากร ดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย กรณีหมูเถื่อน มีจำนวนรวม 42 คดี ปริมาณน้ำหนักรวม 1,089,514 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่ากว่า 219 ล้านบาท โดยได้ดำเนินการกับซากสุกรของกลางเป็น 3 ส่วน

ได้แก่ 1.เป็นส่วนที่ทำลายไปแล้ว จำนวน 179,612 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 71 ล้านบาท 2.อยู่ในระหว่างดําเนินคดี จำนวน 186,116 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 25 ล้านบาท เมื่อคดีสิ้นสุดจะได้ดำเนินการทำลายต่อไป และ 3.เป็นหมูเถื่อนที่เพิ่งทำลายไปเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2566 จำนวน 723,786 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 123 ล้านบาท