ราคาน้ำมันดิบ (18 ม.ค. 66) ปรับเพิ่ม หลังเศรษฐกิจจีนโตมากกว่าที่คาด

ราคาน้ำมันดิบ
Photo by Johannes EISELE / AFP

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนต์ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังเศรษฐกิจจีนโตมากกว่าที่คาด

วันที่ 18 มกราคม 2566 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา ดังนี้ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนต์ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจีนเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ขยายตัว 3% ในปี 2565 ซึ่งมากกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.8% นอกจากนี้ ในไตรมาส 4 ปี 2565 ตัวเลข GDP ของจีนขยายตัว 2.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 1.8% นอกจากนี้ มีความคาดหวังที่ว่าการยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero-COVID) ของจีนในเดือน ธ.ค. 2565 จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและอุปสงค์ของน้ำมันเชื้อเพลิง

โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 17 ม.ค. 2566 อยู่ที่ 80.18 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +0.32 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 85.92 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +1.46 เหรียญสหรัฐ

ตลาดได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งช่วยให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์สหรัฐมีราคาถูกลงและน่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ โดยดัชนีดอลลาร์สหรัฐปรับลดลง 0.1% มาที่ระดับ 102.4 เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก อื่น ๆ

ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังคงมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมเดือน ก.พ. 2566 และมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น 0.25% ในเดือน มี.ค. 2566

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซินปรับลดสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ ตามตลาดน้ำมันเบนซินของสหรัฐ ที่ชะลอตัวลงจากอุปสงค์ที่ลดลงในช่วงฤดูหนาว นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงกดดันจากอุปทานที่เพิ่มขึ้นจากอินเดีย

ราคาน้ำมันดีเซล

ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานน้ำมันดีเซลในภูมิภาคปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากเกาหลีใต้ และไต้หวัน นอกจากนี้ จีนมีแนวโน้มส่งออกน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นท่ามกลางการฟื้นตัวของอุปสงค์ในตลาดเอเชีย