จุดความร้อนของไทย 1,311 จุด รองเมียนมา 7,984 จุด สปป.ลาว 1,897 จุด

ไฟป่า จุดความร้อน เผาป่า
ภาพ : Pixabay

ดาวเทียมพบจุดความร้อนของไทยวานนี้ขยับขึ้น 1,311 จุด รองจากเมียนมา 7,984 จุด สปป.ลาว 1,897 จุด ส่วนค่าฝุ่น PM 2.5 เที่ยงนี้แดงเกินมาตรฐาน 10 จังหวัดทางเหนือ เชียงใหม่นำจุดความร้อน ส่วนเชียงราย PM 2.5 พุ่งกว่า 300 ไมโครกรัม

วันที่ 16 เมษายน 2566 สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เปิดเผยว่าข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี Suomi NPP) ของวันที่ 15 เมษายน 2566 ไทยพบจุดความร้อน 1,311 จุด ในขณะที่เพื่อนบ้านอย่างเมียนมา ยังครองแชมป์อยู่ที่ 7,984 จุด, สปป.ลาว 1,897 จุด, เวียดนาม 199 จุด, กัมพูชา 99 จุด และมาเลเซีย 61 จุด

ข้อมูลจากดาวเทียมระบุอีกว่า จุดความร้อนในประเทศไทย ยังคงพบในพื้นป่าอนุรักษ์มากที่สุด 590 จุด ตามด้วยป่าสงวนแห่งชาติ 432 จุด, พื้นที่เกษตร 132 จุด, พื้นที่เขต ส.ป.ก. 76 จุด, พื้นที่ชุมชนอื่น ๆ 74 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 7 จุด จังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุดคือ #เชียงใหม่ 249 จุด

ในขณะที่สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ทั่วประเทศยังคงเกินค่ามาตรฐานในหลายพื้นที่กว่า 30 จังหวัด โดยเฉพาะ 10 จังหวัดภาคเหนือที่เกินค่ามาตรฐานจนอยู่ในระดับสีแดง อาทิ #เชียงราย #แม่ฮ่องสอน #เชียงใหม่ #พะเยา #น่าน #ลำปาง #ลำพูน #แพร่ #อุตรดิตถ์ #สุโขทัย ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งนี้ สถานการณ์ดังกล่าวประชาชนควรสวมหน้ากากอนามัย และงดกิจกรรมภายนอกอาคารสถานที่เพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจที่จะตามมา ในขณะที่ภาพรวมของกรุงเทพมหานคร คุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลาง

สิ่งหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวังที่มักจะมากับเหตุการณ์ไฟป่าและจุดความร้อนคือ PM 2.5 สถานการณ์จุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลให้เกิด PM 2.5 ได้ในพื้นที่บริเวณชายแดนเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากกระแสลมที่จะพัดผ่านเข้ามา ประกอบกับภูมิประเทศทางภาคเหนือของไทยมีลักษณะเป็นหุบเขาแอ่งกระทะ จึงมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับการพัดและการเคลื่อนตัวของกระแสลมในพื้นที่เป็นสำคัญ

Advertisment

ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบให้กับระบบต่าง ๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม และสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THEOS-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้ คือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ได้อย่างแม่นยำและทันท่วงที เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม รายละเอียดข้อมูลเฉพาะพื้นที่ท่านสามารถติดตามจากหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโดยตรงได้ GISTDA ยังคงติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่

ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://fire.gistda.or.th หรือติดตามข้อมูลจาก https://fire.gistda.or.th/dashboard.html และควรติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ผ่านแอปพลิเคชั่น “#เช็คฝุ่น”

Advertisment