PTG ขยับเป้ายอดขายน้ำมัน พร้อมลุยต่อธุรกิจ Non-Oil โกยครึ่งปีหลัง

PTG ขยับเป้ายอดขายน้ำมัน

PTG ตั้งเป้าขยายสถานีบริการน้ำมันครึ่งปีหลังอีก 40 สถานี เป็น 2,206 สถานี พร้อมอัพเป้ายอดขายน้ำมันเป็น 10-15% ทำสถิติจำหน่ายน้ำมันสูงสุดใหม่ ติดต่อกัน 3 ไตรมาส พร้อมเดินหน้ารุกธุรกิจ Non-Oil อย่างต่อเนื่อง

วันที่ 24 สิงหาคม 2566 นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ไตรมาส 2 บริษัทมีปริมาณการจำหน่ายน้ำมัน สามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ (ALL TIME HIGH) 3 ไตรมาสติดต่อกัน ด้วยยอดขาย 1,534 ล้านลิตร เติบโต 12.2% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ขณะที่การจำหน่ายก๊าซ LPG อยู่ที่ 154 ล้านลิตร เติบโต 28.0% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน

ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้รายได้ในไตรมาสที่ 2 มากถึง 50,802 ล้านบาท เติบโต 9.7% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ขณะที่ครึ่งปีแรก มีรายได้รวม 101,738 ล้านบาท เติบโตถึง 19.3%จากช่วงเดียวกันปีก่อน

อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการบริหารจัดการกองทุนน้ำมันที่ไม่สอดคล้องกับราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น จึงส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit) ในภาพรวม และกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม (EBITDA) ลดลง

ภาพรวมส่วนแบ่งตลาด

สำหรับภาพรวมส่วนแบ่งการตลาดในส่วนของสถานีบริการน้ำมัน ในไตรมาส 2/2566  PTG มีส่วนแบ่งการตลาด 19.5% หรือ 7,285 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ 19.2% และคาดว่าในไตรมาส 4 น่าจะมีโอกาสขยับเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 20%

ทั้งนี้ในปัจจุบัน PTG มีสถานีบริการน้ำมัน 2,166 สาขา แบ่งเป็น สถานีบริการ ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท (COCO) จำนวน 1,819 สถานี และสถานีบริการ ที่เป็นของผู้ประกอบการที่ได้รับสิทธิจากบริษัท (DODO) จำนวน 347 สถานี

ภาพรวมธุรกิจ non-oil ครึ่งปีแรก

นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTG กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ PTG รุกตลาดด้าน Non-Oil มีการขยายสาขาเป็นจำนวนมาก อาทิ ธุรกิจก๊าซ LPG ธุรกิจกาแฟ ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ธุรกิจศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์ เป็นต้น ทำให้ไตรมาส 2/2566 มีสาขา 1,805 สาขา ส่งผลให้รายได้จากการขายในส่วนธุรกิจ Non-Oil เติบโตอย่างต่อเนื่อง

โดยไตรมาส 2/2566 มีรายได้ 3,337 ล้านบาท เติบโต 53.6% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน

ส่วนครึ่งปีแรก มีรายได้ 6,483 ล้านบาท โตขึ้น 63.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และทำให้สัดส่วนรายได้ของธุรกิจ Non-Oil ขยับเพิ่มเป็น 6.6% ของรายได้รวม ขณะที่ธุรกิจน้ำมันมีสัดส่วนลดลงมาอยู่ที่ 93.4% จากที่เคยอยู่ในระดับ 96-97% ของรายได้ทั้งหมด

ในส่วนของธุรกิจก๊าซ LPG ไตรมาส 2/2566 มีปริมาณการจำหน่ายเพิ่มขึ้น เป็น 154 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 28.0% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และครึ่งปีแรกอยู่ที่ 305 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 35.0% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

ขณะที่สถานีบริการแก๊สรถยนต์ ในไตรมาส 2/2566 ทาง PTG ยังคงเป็นผู้นำ ด้วยส่วนแบ่งการตลาดอันดับหนึ่งที่ 27.5%

สำหรับธุรกิจกาแฟ ไตรมาส 2/2566 มีรายได้ 294 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.3% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน เป็นผลมาจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาส 2/2566 มีสาขาทั้งสิ้น 703 สาขา เพิ่มขึ้น 71.5% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน

โดยการเพิ่มขึ้นของรายได้ไม่ได้มาจากการขยายสาขาเพียงอย่างเดียว แต่มาจากลูกค้าที่มาใช้บริการซ้ำ และการทำกิจกรรมทางการตลาดผ่านบัตรสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ซึ่งปัจจุบันมีฐานสมาชิกกว่า 20 ล้านสมาชิก จึงทำให้ธุรกิจกาแฟ เติบโตอย่างเห็นได้ชัด และทำให้ครึ่งปีแรก มีรายได้ธุรกิจกาแฟ 557 ล้านบาท โต 70.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

ส่วนธุรกิจร้านสะดวกซื้อ Max Mart สิ้นไตรมาส 2/2566 มี 325 สาขา มียอดขาย 506 ล้านบาท โตขึ้น 47.5% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ส่วนครึ่งปีแรก รายได้ 972 ล้านบาท โต 49.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

ด้านธุรกิจศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์ Autobacs ไตรมาส 2/2566 มี 53 สาขา มีรายได้ 124 ล้านบาท โต 42.7% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และครึ่งปีแรก รายได้ 240 ล้านบาท โต 58.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากปีก่อน ๆ หน้า

พร้อมกันนี้ PTG ยังเร่งรุกธุรกิจด้าน Non-Oil มากขึ้น เพื่อบริหารความเสี่ยงด้านกลไกราคาน้ำมัน และมีการลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ ในภาคของอนาคต เช่น ธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะเพื่อชุมชน ขณะนี้ได้รับสัญญาซื้อขายไฟเรียบร้อยแล้วและอยู่ในช่วงเริ่มเข้าพื้นที่ก่อสร้าง

ด้วยเหตุนี้จึงคาดว่าอีก 2 ปีข้างหน้าจะช่วยสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับบริษัท นอกจากนี้ ยังศึกษาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของผู้ถือบัตรสมาชิก ในธุรกิจการดูแลรักษารถยนต์ ธุรกิจไฟแนนซ์ และธุรกิจประกันภัยด้วย

แนวโน้มครึ่งปีหลัง

สำหรับแนวโน้มครึ่งปีหลัง บริษัทคาดว่าผลประกอบการจะดีขึ้น เพราะเชื่อว่าไตรมาส 2 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปี ขณะที่ยอดขาย ทั้งปริมาณน้ำมัน และธุรกิจ Non-Oil ยังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และคาดว่าค่าการตลาด ที่ฉุดผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 น่าจะอยู่ในระดับที่ดีกว่าครึ่งปีแรก และเชื่อว่าในไตรมาส 4 หลังจากมีรัฐบาลชุดใหม่ จะมีนโยบายหรือมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ ๆ ออกมา

นอกจากนี้ บริษัทยังมีเป้าหมายขยายสถานีบริการน้ำมันครึ่งปีหลังอีก 40 สถานี เป็น 2,206 สถานี และตั้งเป้ายอดขายน้ำมันเพิ่มขึ้นจากเดิมที่วางเป้าไว้ 8-12% เป็น 10-15% หลังครึ่งปีแรกเติบโต 14.3%

ส่วนธุรกิจ Non-Oil ตั้งเป้าเติบโต 75-85% ซึ่งในครึ่งปีแรก ทำได้ 63.1% โดยคาดว่าธุรกิจก๊าซ LPG และธุรกิจกาแฟ น่าจะเติบโตได้อย่างมีนัย แม้จะปรับลดเป้าหมายขยายสาขากาแฟพันธุ์ไทย เหลือ 1,200 สาขา

นอกจากนี้ PTG ยังคงไม่ได้ละเลย แนวคิดการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน

โดยคำนึงถึง ESG การดูแลสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม-ชุมชน และการกำกับดูแลกิจการที่ดีผ่านโครงการต่าง ๆ ทำให้ PTG ได้รับรางวัล Best ESG Responsible Executive Team Thailand 2023 จากสหราชอาณาจักร และจะยังเดินหน้าโครงการต่าง ๆ ต่อเนื่องต่อไป