
สนค.วิเคราะห์สินค้าไทยเจาะตลาดนอร์ดิกด้วย พบ “ผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า” “กลุ่มเครื่องปรับอากาศ” เป็นสินค้าดาวเด่นในตลาดนอร์ดิก “ยางยานพาหนะ” และ “อาหารสุนัขและแมว” เป็นสินค้าศักยภาพ พร้อมแนะให้เปิดตลาด “ไก่” และ “อาหารทะเลกระป๋อง” ซึ่งเป็นสินค้าที่มีความต้องการสูง แต่ไทยเข้าถึงตลาดได้น้อย
วันที่ 25 กันยายน 2566 นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค. ได้วิเคราะห์ตลาดนอร์ดิก 5 ประเทศ ได้แก่ สวีเดน นอร์เวย์ เดนมาร์ก ฟินแลนด์ และไอซ์แลนด์ เพื่อหาโอกาสสำหรับการเปิดตลาดใหม่เพิ่มเติมตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์
โดยเน้นตลาดใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง แต่ยังมีมูลค่าการค้ากับไทยไม่มากนัก จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ส่งออกไทยที่จะหาโอกาสขยายการค้าในตลาดใหม่
- จับตาธุรกิจเลิกจ้าง ปิดกิจการ ส่งออกสะดุด-บริษัทยักษ์ย้ายฐาน
- เปิดลงทะเบียนแก้หนี้ 1 ธ.ค.นี้ เครดิตบูโรห่วงกู้ซื้อ “รถ-บ้าน” ค้างจ่ายพุ่ง
- เช็กเงื่อนไขกู้ “ออมสิน” ปลดหนี้นอกระบบ คุณสมบัติผู้กู้ต้องมีอะไรบ้าง ?
สนค. พบว่าภาพรวมตลาดนอร์ดิกผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูงติดอันดับโลก โดยในปี 2565 นอร์เวย์
เป็นประเทศที่มีรายได้ต่อหัวสูงที่สุดในกลุ่มประเทศนอร์ดิกอยู่ที่ 106,149 ดอลลาร์สหรัฐ สูงเป็นอันดับ 3
ของโลก และสูงกว่าไทย 15.4 เท่า
อย่างไรก็ตาม กลุ่มประเทศนอร์ดิกมีจำนวนประชากรน้อยกว่าไทย 2.6 เท่า โดย สวีเดน เป็นประเทศขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดและมีประชากรมากที่สุดในกลุ่มประเทศ ซึ่งประชากรคิดเป็นร้อยละ 37.7 ของประชากรทั้งหมดในกลุ่มประเทศ (นอร์ดิกมีประชากรรวม 27.8 ล้านคน)
สำหรับด้านการค้าระหว่างประเทศ แหล่งนำเข้าสำคัญของกลุ่มประเทศนอร์ดิก 3 ลำดับแรก คือ เยอรมนีเนเธอร์แลนด์ และจีน โดยไทยเป็นแหล่งนำเข้าลำดับที่ 31 คิดเป็นร้อยละ 0.4 ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด
แม้ว่าปัจจุบันไทยส่งออกไปยังตลาดนอร์ดิกได้ไม่มาก แต่สินค้าไทยยังมีโอกาสเข้าถึงตลาดนอร์ดิกได้อีก จากข้อมูลการส่งออกของไทย 7 เดือนแรกของปี 2566 (ม.ค-ก.ค.) ไปยังกลุ่มประเทศนอร์ดิกมีมูลค่ารวม 886.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตร้อยละ 3.7 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 0.5 ของมูลค่าส่งออกทั้งหมดของไทย
โดยประเทศส่งออกหลัก ได้แก่ สวีเดน นอร์เวย์ และเดนมาร์ก มีสินค้าส่งออกหลัก เช่น ผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า เป็นต้น
สำหรับในระยะต่อไป สนค. มองว่าไทยมีสินค้าศักยภาพหลายรายการที่มีโอกาสเจาะตลาดในกลุ่มประเทศนอร์ดิกได้เพิ่มเติม โดยสินค้าที่มีศักยภาพในการส่งออกเพิ่มเติมแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ สินค้าดาวเด่น สินค้าศักยภาพ และสินค้าแนะส่งเสริม โดยมีรายละเอียด ดังนี้
สินค้าเด่น
สินค้าดาวเด่น เป็นสินค้าส่งออกหลักของไทยในกลุ่มประเทศนอร์ดิกที่มีแนวโน้มเติบโตดี สะท้อนว่าตลาดยังมีความต้องการสูง โดยในปี 2565 ประเทศไทยส่งออก “ผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า” สัดส่วนร้อยละ 9.9 ของสินค้าส่งออกไทยไปนอร์ดิกทั้งหมด ขยายตัวร้อยละ 381.2 และส่งออก “เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ” สัดส่วนร้อยละ 15.1 ขยายตัวร้อยละ 54.0 เทียบกับปีก่อนหน้า
สำหรับ 7 เดือนแรกของปี 2566 (มกราคม-กรกฎาคม) การส่งออกสินค้าดังกล่าวของไทยยังคงเติบโต โดย “ผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า” สัดส่วนร้อยละ 14.6 ของสินค้าส่งออกไทยไปนอร์ดิกทั้งหมด ขยายตัวร้อยละ 0.8 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า “เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ” สัดส่วนร้อยละ 11.8 ขยายตัวร้อยละ 0.3 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
โดยในปี 2565 ไทยครองส่วนแบ่งตลาด “ผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า” ในตลาดนอร์ดิกอยู่ที่ร้อยละ 0.9 และ “เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ” ที่ร้อยละ 15.9 ซึ่ง สนค. มองว่าสินค้าดังกล่าวยังมีโอกาสขยายการส่งออกและขยายส่วนแบ่งตลาดได้อีก
สินค้าศักยภาพ
เป็นสินค้าที่ไทยมีศักยภาพ แต่มีส่วนแบ่งของไทยในตลาดนอร์ดิกต่ำกว่าส่วนแบ่งของไทยในตลาดโลก ได้แก่
“ยางยานพาหนะ” ซึ่งในปี 2565 ไทยครองส่วนแบ่งในตลาดนอร์ดิกอยู่ที่ร้อยละ 1.4 เปรียบเทียบกับส่วนแบ่งของไทยในตลาดโลกที่ร้อยละ 7.7 ขณะที่การส่งออกในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2566 (ม.ค-ก.ค.) ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 8.3 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และ “อาหารสุนัขและแมว” ซึ่งไทยครองส่วนแบ่งในตลาดนอร์ดิกอยู่ที่ร้อยละ 0.9 เปรียบเทียบกับส่วนแบ่งของไทยในตลาดโลกที่ร้อยละ 11.9 ขณะที่การส่งออกในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2566 (ม.ค-ก.ค.) ลดลงร้อยละ 23.6 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
สินค้าแนะนำ
เป็นสินค้าที่ตลาดมีความต้องการ แต่กลุ่มประเทศนอร์ดิกยังนำเข้าจากไทย ค่อนข้างน้อย หรือมูลค่าการนำเข้าจากไทยมีไม่ต่อเนื่อง จึงเป็นสินค้าไทยที่แนะนำให้เข้าไปเปิดตลาดใหม่ ได้แก่
“ไก่” และ “อาหารทะเลกระป๋อง” อย่างไรก็ดี การเข้าสู่ตลาดใหม่ในสินค้าดังกล่าวเป็นเรื่องที่ท้าทายทั้งจากคู่แข่งทางการค้าเดิมที่มีส่วนแบ่งตลาดค่อนข้างสูง และมาตรฐานสินค้าในกลุ่มประเทศที่ค่อนข้างสูงกว่ากลุ่มประเทศอื่น
เน้นสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ สนค. มองเห็นแนวโน้มการส่งออกสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นประเด็นที่ภาครัฐและผู้บริโภคชาวนอร์ดิกกำลังให้ความสำคัญ โดยประเทศในกลุ่มประเทศนอร์ดิกถือเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับการเจริญเติบโตและพัฒนาอย่างยั่งยืนอย่างสูง มีเป้าหมายร่วมกันในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 (ค.ศ. 2050) และจากผลการจัดอันดับ “ดัชนีผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม” (Environmental Performance Index : EPI)
ในปี 2565 พบว่า 3 ประเทศในกลุ่มนอร์ดิก ติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก ได้แก่ เดนมาร์ก (อันดับ 1) ฟินแลนด์ (อันดับ 3) และสวีเดน (อันดับ 5) สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของประเทศในการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม ดังนั้น การส่งออกสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่แสดงให้ผู้บริโภคเห็นว่าสินค้าดังกล่าวให้ความสำคัญและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เช่น การติดฉลากสิ่งแวดล้อมที่ได้รับรองจากหน่วยงานที่ได้รับความน่าเชื่อถือ เป็นต้น จะมีส่วนสนับสนุนให้สินค้าไทยได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภคชาวนอร์ดิกได้ดี
ตลาดนอร์ดิกเป็นหนึ่งในตลาดที่น่าจับตามอง เพราะเป็นตลาดที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูงมากแต่ไทยยังมีการค้ากับประเทศเหล่านี้ค่อนข้างน้อย ดังนั้น ไทยมีโอกาสเข้าสู่ตลาดนี้ได้อีกมาก
นอกจากนี้ ไทยมีสินค้าที่มีศักยภาพหลายรายการที่มีโอกาสเข้าไปเจาะตลาดนอร์ดิกเพิ่มเติม ซึ่งการวิเคราะห์โอกาสทางการค้านี้เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้ส่งออกไทยมองเห็นศักยภาพและโอกาสของตลาดใหม่ในกลุ่มประเทศนอร์ดิกได้ชัดเจนขึ้น
อย่างไรก็ตาม กลุ่มประเทศนี้มีเกณฑ์คุณภาพและมาตรฐานสินค้าที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม การส่งออกสินค้าไปยังกลุ่มประเทศนี้จึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดด้วย