เศรษฐกิจไตรมาส 3 ไม่ฟื้นตามนัด SME หนี้ท่วมจ่อผิดนัดชำระ

SME

สสว.เผยเศรษฐกิจไตรมาส 3 ยังไม่ฟื้น “เอสเอ็มอี” หนี้พุ่ง ส่อแววผิดนัดชำระหนี้เพิ่ม จี้รัฐหาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำพิเศษ

นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า สสว.ได้สำรวจผู้ประกอบการเอสเอ็มอีถึงสถานการณ์ด้านหนี้สินกิจการ ไตรมาส 3/2566 ใน 6 ภูมิภาคทั่วประเทศ พบว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีภาระหนี้สินในไตรมาส 3 เทียบจากไตรมาสก่อนเพิ่มขึ้นถึง 60.3% ส่วนมากเป็นกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลาง โดยเฉพาะสาขาบริการ ด้านการขนส่งสินค้า ร้านอาหาร การผลิตอัญมณีและเครื่องประดับ เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นกลับมาเป็นปกติ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทั่วโลก กำลังซื้อในประเทศยังไม่ฟื้นมากนัก

สำหรับแหล่งกู้ยืมของธุรกิจเอสเอ็มอี 66.2% กู้ยืมมาจากสถาบันการเงิน อีก 33.8% มาจากแหล่งเงินทุนนอกระบบสถาบันการเงิน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยในธุรกิจภาคการค้า โดยเฉพาะร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ที่ใช้บริการจากแหล่งนี้และเป็นการกู้ยืมจากเพื่อน ญาติพี่น้องมากที่สุด ตามข้อจำกัดเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ

“จากผลสำรวจพบว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเกือบ 90% กู้ยืมเงินเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ รองลงมากู้ยืมเพื่อนำมาลงทุนและการชำระหนี้เดิม โดยเอสเอ็มอีส่วนใหญ่มีภาระหนี้สินอยู่ในช่วง 50,000-500,000 บาท และมีแนวโน้มสูงขึ้นตามขนาดของธุรกิจ”

ส่วนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 30% ประเมินว่าระยะเวลาสัญญาเงินกู้ของเอสเอ็มอีที่ได้รับยังสั้นเกินไป ส่งผลกระทบต่อความสามารถการชำระหนี้ แต่ยังมีเอสเอ็มอีอีก 20% ที่มีแผนจะกู้ยืมในอนาคต เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในกิจการ แม้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 75% กำลังเผชิญปัญหาด้านการเงินและภาระหนี้สิน ทั้งการมีสภาพคล่องลดลง อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น แม้เอสเอ็มอีเกือบ 50% ยังสามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดสัญญา แต่เอสเอ็มอี 38.4% เริ่มผิดเงื่อนไขการชำระหนี้และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน

นายวีระพงศ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาสำคัญมากที่สุดในด้านหนี้สินของเอสเอ็มอี คือ อัตราดอกเบี้ยสูง ทำให้เป็นภาระและความเสี่ยงด้านต้นทุนและการลงทุนในช่วงภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น และปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการเอสเอ็มอียังมีต่อเนื่อง คือ ขั้นตอนการกู้ยุ่งยาก ต้องใช้เอกสารหลักฐานสำคัญจำนวนมาก และอนุมัติล่าช้า ขาดความรู้ในการจัดการบริหารการเงินและหนี้สิน รวมถึงความสามารถในการชำระหนี้

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือมากที่สุด คือ การลดอัตราดอกเบี้ยหรือการได้รับดอกเบี้ยในอัตราพิเศษ รวมถึงการลดเงื่อนไขการยื่นขอเพื่อเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจเข้าถึงสินเชื่อ การมีสถาบันการเงินสำหรับธุรกิจรายเล็กหรือรายย่อยโดยเฉพาะ การขยายระยะเวลาชำระหนี้