ราคาน้ำมันดิบ (13 พ.ย.) ปรับเพิ่ม หลังอิรักสนับสนุนให้โอเปกพลัสปรับลดกำลังผลิต

ราคาน้ำมันดิบ
REUTERS/Bing Guan

ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น หลังอิรักสนับสนุนให้โอเปกพลัสปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติม

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบดังนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังอิรักสนับสนุนให้กลุ่มโอเปกและพันธมิตร (OPEC+) ปรับลดการผลิตน้ำมันลงอีกก่อนการประชุมในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 26 พ.ย. โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ซาอุดีอาระเบียมีแนวโน้มที่ขยายระยะเวลาในการปรับลดกำลังการผลิต 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปจนถึงไตรมาสที่ 1 ปี 67 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์และเศรษฐกิจมหภาคของจีน

โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 10 พ.ย. 2566 อยู่ที่ 77.17 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +1.43 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 81.43 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +1.42 เหรียญสหรัฐ

Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 10 พ.ย. ปรับลดลงจำนวน 2 แท่นมาอยู่ที่ระดับ 494 แท่น ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ ม.ค. 65 ในขณะที่แท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติคงที่ อยู่ที่ระดับ 118 แท่น โดยแท่นขุดเจาะทั้งหมดมีจำนวนต่ำกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 21% หรือคิดเป็นจำนวนที่ลดลง 163 แท่น

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันยังคงได้รับแรงกดดันจากข้อมูลทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีน เนื่องจากในสัปดาห์นี้มีความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่ลดลง โดยโรงกลั่นในประเทศจีนซึ่งเป็นผู้ซื้อน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของซาอุดีอาระเบีย ได้ขอลดการน้ำเข้าน้ำมันดิบลงในเดือน ธ.ค.

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากความต้องการใช้น้ำมันเบนซินที่เพิ่มขึ้นของอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงกดดันจากการผลิตน้ำมันเบนซินที่เพิ่มขึ้นของมาเลเซีย

ราคาน้ำมันดีเซล

ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ จากอุปสงค์ที่ลดลงในภูมิภาคเอเซีย อีกทั้งน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ ปรับเพิ่มขึ้น 5.77% แตะระดับ 9.95 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี